ปี 2024 เป็นอีกหนึ่งปีที่หลายภาคส่วนพยายามจะฟื้นวงการสตาร์ทอัพให้กลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง
เริ่มจากภาครัฐที่กลับเข้ามามีบทบาทมากขึ้น อย่างสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ที่จัดสรรเงินทุนสนับสนุน NIA และ TED Fund รวมมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท หรือการเข้ามาของภาคเอกชนอย่างกองทุน Finno Efra Private Equity Trust ที่กำลังทยอยทุ่มเงินกว่า 1.3 พันล้านบาทในการพัฒนาสตาร์ทอัพรายเล็ก (Seed ถึง Pre-series A)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- Finno Efra ทุ่ม 1.3 พันล้าน เปิดกองทุนหนุนสตาร์ทอัพรายเล็ก เปิดขายรายย่อยขั้นต่ำ 5 แสนบาท
- วิกฤตเศรษฐกิจดิจิทัลไทยมูลค่าหายเฉียด 6.4 แสนล้านบาท เอกชนจับมือรัฐดัน ‘สตาร์ทอัพไทย’
- เช็กชีพจรสตาร์ทอัพไทย วันที่ธุรกิจยังไม่ตาย…แต่มีอะไรเหลือให้โต? | Exclusive Interview EP.9
นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนผ่านของคณะกรรมการดำเนินงานสมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทยเข้าสู่รุ่นที่ 6 ซึ่งมีเป้าหมายที่จะทำให้ธุรกิจสตาร์ทอัพไทยสามารถหาน่านน้ำใหม่ เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลได้
ภาพอนาคตสตาร์ทอัพไทยปี 2025
สำหรับปี 2025 ทาง THE STANDARD WEALTH พูดคุยกับ ณิชาภัทร อาร์ค ผู้อำนวยการประจำประเทศไทยของกองทุน Openspace Ventures ถึงภาคอุตสาหกรรมที่เป็นจุดเด่นของไทย โอกาส และคุณสมบัติที่สตาร์ทอัพไทยต้องมี เพื่อดึงดูดให้ธุรกิจของตนเป็นที่สนใจของนักลงทุน
“ปัจจุบันเราอยู่ในโลกที่เทคโนโลยีกำลังขับเคลื่อนสิ่งรอบตัวเรา ดังนั้นธุรกิจจำเป็นที่จะต้องใช้เทคโนโลยีเป็นแกนกลางในการดำเนินธุรกิจและแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ทั้งด้านความรวดเร็วและต้นทุน” ณิชาภัทรกล่าว
หนึ่งในเทคโนโลยีที่ได้รับการพูดถึงอย่างกว้างขวางในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาก็คงจะหนีไม่พ้น AI หรือเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ซึ่ง Openspace มองว่า AI ไม่ใช่อุตสาหกรรมในตัวมันเอง แต่เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้สตาร์ทอัพทำงานและตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
คีย์เวิร์ดสำคัญที่จะเป็นตัวช่วยหนุนความสำเร็จของธุรกิจและสตาร์ทอัพในปี 2025 ก็คือ AI
รู้จัก Openspace กับวิสัยทัศน์ต่อประเทศไทย
Openspace เป็นบริษัทกองทุนที่ลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเปิดทำการตั้งแต่ปี 2014 โดยมีนักลงทุนสถาบันเป็นผู้ร่วมลงทุน เช่น Temasek และ DEG ซึ่งปัจจุบันกองทุนบริหารจัดการเงินทุนเกือบ 3 หมื่นล้านบาท โดยมีสำนักงานในอินโดนีเซีย, สิงคโปร์, เวียดนาม, ไทย, ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย
การทำธุรกิจในหลากหลายประเทศของภูมิภาคอาเซียนทำให้บริษัทเห็นภาพจุดแข็งของแต่ละประเทศ โดยจุดแข็งของไทยจะอยู่ที่ธุรกิจภาคการเงิน, การแพทย์, การเกษตร, การบริการและการท่องเที่ยว รวมทั้งธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานทดแทนและการลดโลกร้อน โดยทั้งหมดควรนำเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อเสริมกระบวนการทำงานของธุรกิจ
พอร์ตโฟลิโอของ Openspace ในประเทศไทยประกอบด้วย
- ฟินโนมีนา (Finnomena) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการลงทุนดิจิทัลของไทย
- เฟรชเก็ต (freshket) ผู้จำหน่ายวัตถุดิบด้านอาหารแบบครบวงจรผ่านแพลตฟอร์ม โดยปัจจุบันให้บริการแก่ธุรกิจร้านอาหารกว่า 20,000 แห่ง
- อบาคัส ดิจิทัล (ABACUS digital) ผู้ให้บริการสินเชื่อผ่านแอปพลิเคชันมันนี่ทันเดอร์
สำหรับมุมมองอนาคตระยะสั้นในอีก 1-2 ปี Openspace เตรียมเม็ดเงินขั้นต่ำไว้ที่ 500 ล้านบาท โดยจะเป็นการเน้นไปที่สตาร์ทอัพที่อยู่ในขั้น Series A-B หรือช่วงที่ธุรกิจมีรายได้แล้วและกำลังขยายฐานลูกค้า ซึ่งขนาดของเงินลงทุนต่อธุรกิจจะอยู่ที่ 3-8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 100-270 ล้านบาท
เจษฎา สุขทิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Finnomena Group กล่าวถึงความร่วมมือระหว่าง Openspace และ Finnomena ว่า “Openspace Ventures ไม่ได้เป็นเพียงแค่นักลงทุน แต่เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตด้วยการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การสร้างแบรนด์ และการวางแผนกลยุทธ์การขยายธุรกิจ”
Openspace วางตัวเองให้เป็นมากกว่าแค่นักลงทุนที่สนับสนุนเพียงแค่ ‘เงินทุน’ แต่เป็น Active Investor ที่บริษัทต้องการพัฒนาระบบนิเวศสตาร์ทอัพของไทยผ่านการให้คำแนะนำและทำงานร่วมกับสตาร์ทอัพ
ภาพรวมเศรษฐกิจและแนวคิดสำคัญสำหรับสตาร์ทอัพ
ในฝั่งของภาพเศรษฐกิจโลกที่จะกระทบต่อประเทศไทย ณิชาภัทรมองว่าความไม่ลงรอยกันระหว่างสองมหาอำนาจโลกอย่างจีนและสหรัฐอเมริกาจะทำให้ไทยได้ประโยชน์ในแง่ของการเป็นฐานการผลิตและลงทุน อีกทั้งยังมีเม็ดเงินที่ไหลเข้ามาจากบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกในปีที่ผ่านมา เช่น Google อีกด้วย ทำให้ภาพเศรษฐกิจไทยปีหน้ามีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น
ในช่วงท้ายณิชาภัทรย้ำว่า แม้เทคโนโลยีจะสำคัญต่อธุรกิจ แต่สิ่งสำคัญกว่าที่จะทำให้สตาร์ทอัพสามารถสร้างจุดแข็งและทำให้ตนเองต่างจากคู่แข่งในตลาดได้คือ ‘Customer Obsession’ หรือการพยายามอย่างหนักให้เข้าใจในสิ่งที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายต้องการ เพราะนั่นจะเป็นจุดวัดว่า ‘เงิน’ ในมือลูกค้าจะถูกนำไปให้กับใคร
สตาร์ทอัพที่สนใจหรือต้องการหารือเกี่ยวกับโอกาสในการร่วมมือกับ Openspace ในประเทศไทย สามารถติดต่อได้ที่อีเมล [email protected]
อ้างอิง: