(29 กุมภาพันธ์ 2563) คำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว สนับสนุนประเด็นที่ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐเตรียมการขอยื่นญัตติให้สภาผู้แทนราษฎรเปิดรับฟังความคิดเห็นเยาวชนและนักศึกษาที่ออกมาชุมนุมเพื่อแสดงความคิดเห็นทางการเมือง โดยเห็นว่า ‘สภา’ ต้องเป็นที่รับฟังปัญหา แก้ปัญหา และประนอมอำนาจ โดยเฉพาะในยามวิกฤต
แต่รอจนถึงเปิดสมัยประชุมสมัยสามัญปลายเดือนพฤษภาคม 2563 ตามข่าวนี้อาจจะช้าเกินไป และอาจไม่ทันสถานการณ์ที่พัฒนาเร็วมาก ควรพิจารณาเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญในช่วงเวลาที่เหมาะสม
และไม่ควรเป็นแค่เรื่องของสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น ควรเป็นเรื่องของรัฐสภา เป็นการประชุมร่วมกันของรัฐสภาที่ประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
รัฐบาลสามารถริเริ่มได้ ประธานรัฐสภาสามารถริเริ่มได้
บทสรุปเบื้องต้นที่จะได้จากการนี้คือ การก่อรูปเวทีที่จะเป็นที่ร่วมพิจารณาหาทางออกของคนทุกรุ่น ทุกฝ่าย ทุกความคิด เบื้องต้นถ้าจำเป็นก็ให้หาวิธีการพักความขัดแย้งชั่วคราวในทันที จากนั้นใช้เวลาหา ‘หลักการทั่วไป’ ในการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างเคารพกันและกันให้ได้ภายในประมาณ 90-180 วัน เป็น ‘หลักการทั่วไป’ ใหญ่ๆ สัก 10-20 ข้อ เวทีที่ว่านี้จะใช้กลไกของกรรมาธิการวิสามัญของรัฐสภาที่เปิดโอกาสให้มีบุคคลที่ไม่ได้เป็นสมาชิกเข้ามาร่วมเป็นกรรมาธิการได้ หรือจะใช้อำนาจหน้าที่ของประธานรัฐสภาตั้งคณะกรรมการขึ้นอย่างที่เคยทำมาแล้วอย่างน้อยในปี 2538 ก็ได้
ในระหว่างการหา ‘หลักการทั่วไป’ ดังกล่าว จำเป็นต้องมีกระบวนการรับฟังประชาชนทุกรุ่นทุกฝ่ายอยู่แล้ว แต่จะเพิ่มความมั่นคงให้แก่ ‘หลักการทั่วไป’ สำคัญนี้ จะจัดให้มีการออกเสียงเป็นประชามติอีกก็ได้ ใช้เวลาอีกประมาณ 90 วัน
จากนั้นก็ดำเนินการเปลี่ยนแปลงไปตามขั้นตอนต่างๆ ที่ได้จาก ‘หลักการทั่วไป’ นั้น
จะวิกฤตขนาดไหน จะขัดแย้งระดับใด จะเห็นต่างกันมากแค่ไหน ที่ไหนในประวัติศาสตร์ก็ต้องเข้ามาสู่เวทีพูดคุยกันทั้งนั้น
ไม่ทำวันนี้ ก็ต้องทำวันหน้า
ทำเสียตั้งแต่วันที่ยังไม่เจ็บปวดกันจะดีกว่าหรือไม่
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: