วันนี้ (28 กันยายน) ได้มีการหารือร่วมกันต่อกรณีพี่เลี้ยงจุ๋ม ทำร้ายนักเรียนโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี โดยเป็นการพูดคุยระหว่างผู้ปกครองและตัวแทนจากโรงเรียน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน หรือ สช. เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธร (สภ.) ชัยพฤกษ์ จังหวัดนนทบุรี ในฐานะพื้นที่รับผิดชอบ และตัวแทนจากกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข
กมล รอดคล้าย ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า จะต้องมีการเยียวยาเด็กที่ได้รับผลกระทบ โดยให้มีการตรวจสุขภาพร่างกาย สภาพจิตใจที่สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ ส่วนเด็กคนอื่นๆ ในโรงเรียนจะให้มีการจัดกิจกรรมในเชิงสร้างสรรค์ ให้เด็กปลดปล่อยความรู้สึก
การดำเนินการกับผู้ก่อเหตุทางโรงเรียนได้ชี้แจงว่า พี่เลี้ยงจุ๋มจบการศึกษาเพียงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เท่านั้น ไม่ได้เป็นครูพี่เลี้ยงอย่างที่กล่าวอ้าง เบื้องต้นให้ผู้ก่อเหตุพ้นสภาพจากโรงเรียนทันที และเปิดทางให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.ชัยพฤกษ์
ทั้งนี้ โรงเรียนจะต้องมอบฮาร์ดดิสก์กล้องวงจรปิด ย้อนหลังจากทุกห้องที่ผู้ก่อเหตุเข้าไปเกี่ยวข้องให้ตำรวจเพื่อเป็นหลักฐาน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เทคนิคแจ้งว่าสามารถกู้ไฟล์ย้อนหลังได้ทั้งหมด และกำชับกับโรงเรียนว่าไม่ให้ตัดทอนเทปใดๆ ทั้งสิ้น
นอกจากนี้ยังลงโทษบุคคลอื่นๆ ในเหตุการณ์ให้พ้นสภาพจากโรงเรียนประมาณ 10 คน ซึ่งวันพรุ่งนี้ (29 กันยายน) ผู้ปกครองและโรงเรียนจะมีการพูดคุยกันที่โรงเรียนถึงมาตรการเยียวยา และ สช. จะตรวจสอบระบบการบริหารจัดการของโรงเรียน ทั้งด้านวิชาการ, การคัดกรองครู, ค่าธรรมเนียมอื่นๆ นอกเหนือจากค่าเทอม
ด้าน ดร.อรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการ สช. ระบุว่า ขณะนี้พบว่าโรงเรียนมีความผิดฐานจัดนักเรียนห้องเรียน English Program เกินกว่าที่กำหนดไว้ห้องละ 25 คน โดยพบว่าโรงเรียนนี้จัดนักเรียนห้องละ 34 คน และเรื่องของการจัดครูเข้าสอนที่ไม่เหมาะสมกับปริมาณนักเรียน และการเก็บค่าธรรมเนียมการศึกษา ที่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายอื่นเพิ่มเติม ซึ่งผิดข้อกำหนด
นอกจากนี้ ที่ผ่านมาในช่วงสัปดาห์ยังพบว่ามีผู้ปกครองเข้าร้องเรียนโรงเรียนในเครือสารสาสน์อีก 34 แห่ง ในประเด็นการบูลลี่ ความเห็นต่าง การสอนของครู การเก็บค่าธรรมเนียม และพบว่ามีการทำร้ายร่างกายเด็กด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ยังตรวจสอบพบว่าโรงเรียนแห่งนี้ไม่มีผู้อำนวยการโรงเรียน มีเพียงรองผู้อำนวยการที่รักษาการอยู่เท่านั้น
ดร.อรรถพล ระบุว่าขณะนี้ยังไม่มีการลงโทษโรงเรียนดังกล่าว แต่จะให้เวลาไปแก้ไขในประเด็นต่างๆ 15-30 วัน หากไม่มีการแก้ไข จะต้องสั่งให้ระงับการรับนักเรียนบางชั้นเรียน หรือทุกชั้นเรียน หรือร้ายแรงที่สุดคือให้ปิดสถานศึกษา
ด้านผู้ปกครองเด็กรายหนึ่งให้สัมภาษณ์ว่า ลูกของตนอายุ 4 ปี ถูกทุบตีหลังจนหลังแอ่น โดยเกิดเหตุวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา แต่ตนมาทราบวันที่ 26 กันยายน เนื่องจากเห็นข่าวเด็กรายอื่นถูกทำร้าย ตนจึงได้ขอภาพกล้องวงจรปิดมาดู โดยก่อนหน้านี้ลูกเคยบอกว่า “เจ็บหลัง เซอร์ทำเซอร์ตี” ตนไม่ได้สนใจในตอนแรก แต่ต่อมาได้คุยกับผู้ปกครองรายอื่น และมีลูกถูกทำร้ายเช่นกัน เมื่อทราบแบบนั้นตนจึงรู้สึกโกรธมาก อีกทั้งที่ผ่านมาพี่เลี้ยงจุ๋มได้สอนลูกผิดๆ โดนสอนว่าการตีคือความรัก ซึ่งเป็นการสร้างการเรียนรู้แบบผิดๆ สร้างการจดจำผิดๆ เพราะจากเหตุการณ์ที่ตนถามลูกว่ารักพ่อไหม แล้วเด็กตอบว่ารักพร้อมกับตบหน้าตน
ทั้งนี้ การเจรจายังไม่ลงตัว ส่วนตัวในฐานะผู้ปกครอง ต้องการตรวจสอบคุณสมบัติบุคลากรทุกอย่างตั้งแต่ครูถึงเจ้าหน้าที่ ว่ามีคุณสมบัติผ่านการประเมินหรือไม่ ไม่ใช่ให้ใครมาสอนก็ได้
ขณะที่หนึ่งในผู้บริหารของโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ บอกภายหลังการหารือว่า ทางโรงเรียนยินดีรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้น จากการพูดคุยผู้ปกครองมีความพอใจมากขึ้น
ส่วนการเยียวยานั้นยังไม่ได้สรุปชัดเจน หากผู้ปกครองกังวลใจในเรื่องการเรียนและจะขอย้ายโรงเรียนนั้น ขอให้ทางผู้ปกครองเป็นคนตัดสินใจ ทั้งนี้ยอมรับว่าคนที่ก่อเหตุเป็นแค่พี่เลี้ยงเด็กไม่ใช่ครู
ด้าน พ.ต.ท. มหพล มีเสน รองผู้กำกับ สภ. ชัยพฤกษ์ กล่าวว่า ล่าสุดมีผู้ปกครองได้เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์แล้ว 8 ราย โดยระบุว่าลูกถูกทำร้าย ทั้งตบตี ดึงหู ฯลฯ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน เบื้องต้นเข้าข่ายทำร้ายผู้อื่นให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ, ทำให้สูญเสียเสรีภาพ, พ.ร.บ. คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2560
.
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทางตำรวจได้เข้าไปในโรงเรียนที่เกิดเหตุ เพื่อนำภาพจากกล้องวงจรปิดทุกตัวในโรงเรียนมาตรวจสอบ ส่วนพี่เลี้ยงจุ๋มที่ปรากฏในคลิปนั้นอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานก่อนจะเรียกตัวมาสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์