วันนี้ (4 มิถุนายน) คารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบแนวทางปฏิบัติเพื่อลดขั้นตอน และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการมาตราส่วน 1:4000 (แนวทางปฏิบัติฯ) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) เสนอ โดยมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติให้เป็นไปตามแนวทางปฏิบัติเพื่อลดขั้นตอน และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานปรับปรุงแผนที่ One Map ดังกล่าว
คารมกล่าวว่า การดำเนินการปรับปรุงแผนที่ One Map มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประเทศไทยมีแนวเขตที่ดินของรัฐที่ถูกต้อง ทันสมัย ไม่ทับซ้อนกัน อยู่บนพื้นฐานมาตราส่วน 1 : 4000 ให้ทุกส่วนราชการใช้และยึดถือในแนวทางเดียวกัน เพื่อให้การบริหารจัดการทรัพยากรที่ดินของประเทศอย่างมีเอกภาพและประสิทธิภาพ ภายใต้กรอบแนวคิด ‘หนึ่งพื้นที่ หนึ่งหน่วยงานรับผิดชอบ’ (One Land, One Law)
โดยแบ่งพื้นที่ดำเนินการออกเป็น 7 กลุ่ม กลุ่มละ 11 จังหวัด ซึ่งที่ผ่านมาครม.ให้ความเห็นชอบแล้ว 4 กลุ่ม โดยกำหนดให้หน่วยงานที่มีที่ดินของรัฐ ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับผลการดำเนินการ One Map ให้แล้วเสร็จ ภายใน 360 วัน อาจขอขยายระยะเวลาการดำเนินการได้ไม่เกิน 180 วัน
ไฟเขียวจ่ายค่าตอบแทนผู้เสียหาย-จำเลย คดีอาญา ตายสูงสุดไม่เกิน 3 แสน
คารมเปิดเผยว่า ครม. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราในการจ่ายค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วดำเนินการต่อ รวมทั้งให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานศาลยุติธรรมไปพิจารณา
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน อัตราการช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญามีความเหมาะสม ตอบสนองความต้องการของประชาชนและลดขั้นตอนที่เกินความจำเป็น ไม่เป็นภาระของประชาชน และเกิดความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ดังนี้
1.หลักการพิจารณาจ่ายค่าตอบแทนแก่ผู้เสียหาย สาระสำคัญ ในการพิจารณาจ่ายค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญา ให้คณะกรรมการ พิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญาคำนึงถึงพฤติการณ์และความร้ายแรงของการกระทำความผิดและสภาพความเสียหายที่ผู้เสียหายได้รับ รวมถึงโอกาสที่ผู้เสียหายจะได้รับการบรรเทาความเสียหายโดยทางอื่นด้วย (คงเดิม)
2.การจ่ายค่าตอบแทนในกรณีผู้เสียหายถึงแก่ความตาย (จ่ายแก่ทายาทของผู้เสียหาย) ให้ได้รับค่าตอบแทนไม่เกิน 300,000 บาท (เดิม 30,0000-100,000 บาท) ซึ่งคณะกรรมการฯ พิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย โดยคำนึงถึงค่าจัดการศพ (เดิม 20,000 บาท) ค่าขาดอุปการะเลี้ยงดู (เดิม 40,000 บาท) และค่าเสียหายอื่น (เดิม 40,000 บาท) มาประกอบการพิจารณา
3.การจ่ายค่าตอบแทนในกรณีผู้เสียหายไม่เสียชีวิต
- กำหนดค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 80,000 บาท (เดิม กำหนดไม่เกิน 40,000 บาท)
- กำหนดค่าฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกายและจิตใจเท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 50,000 บาท (เดิม กำหนดไม่เกิน 20,000 บาท)
- กำหนดค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ในระหว่างที่ไม่สามารถประกอบการงานได้ตามปกติ ให้จ่ายในอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในท้องที่จังหวัดที่ประกอบการงาน ณ วันที่ไม่สามารถประกอบการงานได้เป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี นับแต่วันที่ไม่สามารถประกอบการงานได้ตามปกติ (คงเดิม)
- กำหนดค่าตอบแทนความเสียหายอื่นให้จ่ายเป็นเงินตามจำนวนที่คณะกรรมการเห็นสมควร โดยคำนึงถึงความเสียหายทางกายหรือจิตใจ หรือความเสียหายอื่นที่ยังหลงเหลืออยู่ตามคำวินิจฉัยของแพทย์ไม่เกิน 100,000 บาท (เดิม ไม่เกิน 50,000 บาท)
- กำหนดค่าตอบแทนการสูญเสียอวัยวะหรือการสูญเสียสมรรถภาพของอวัยวะหรือความพิการทุพพลภาพ ไม่เกิน 300,000 บาท (กำหนดขึ้นใหม่) เช่น ทุพพลภาพ 300,000 บาท – แขนขาดข้างหนึ่ง/เท้าขาดสองข้าง 245,000 บาท- ขาขาดข้างหนึ่ง 225,000 บาท – มือขาดข้างหนึ่ง 185,000 บาท เป็นต้น
- หลักเกณฑ์พิจารณาจ่ายค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญาให้คณะกรรมการคำนึงถึงพฤติการณ์ของคดี ความเดือดร้อนที่ได้รับและโอกาสที่จำเลยจะได้รับการชดเชยความเสียหายจากทางอื่นด้วย (คงเดิม)
5.การจ่ายทดแทนในกรณีผู้เสียหายไม่เสียชีวิต กรณีที่จำเลยในคดีอาญาถึงแก่ความตาย อันเป็นผลโดยตรงจากการถูกดำเนินคดี ให้ได้รับค่าทดแทนไม่เกิน 300,000 บาท (เดิม 100,000 บาท) ให้คณะกรรมการพิจารณาค่าทดแทนแก่จำเลยในคดีอาญาโดยคำนึงถึง – ค่าจัดการศพ (เดิม 20,000 บาท) – ค่าขาดอุปการะเลี้ยงดู (เดิม 40,000 บาท) – ค่าเสียหายอื่น (เดิม 40,000 บาท) มาประกอบการพิจารณา
- การจ่ายค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายในกรณีจำเลยไม่เสียชีวิต
- กำหนดค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการรักษาพยาบาล ให้จ่ายเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 80,000 บาท หากความเจ็บป่วย ของจำเลยเป็นผลโดยตรง จากการถูกดำเนินคดี (เดิม กำหนดไม่เกิน 40,000 บาท)
- ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกายและจิตใจ ให้จ่ายเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 50,000 บาท หากความเจ็บป่วยของจำเลยเป็นผลโดยตรงจากการถูกดำเนินคดี (คงเดิม)
- ค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ในระหว่างถูกดำเนินคดี ให้จ่ายในอัตราค่าจ้าง ขั้นต่ำในท้องที่จังหวัดที่ประกอบการงาน ณ วันที่ไม่สามารถประกอบการงานได้นับแต่วันที่ไม่สามารถประกอบการงานได้ตามปกติ (คงเดิม)
- ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการดำเนินคดี ได้แก่ ค่าทนายความให้จ่ายเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินอัตราที่กำหนด และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในการดำเนินคดี ให้จ่ายเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท (คงเดิม)
- การขอรับเงิน เมื่อมีการอนุมัติเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้อำนวยการสำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา (เขต กทม.) หรือผู้อำนวยการสำนักงานยุติธรรมจังหวัด ยุติธรรมจังหวัด (เขตต่างจังหวัด) จะเป็นผู้ลงนามใบสั่งจ่าย เพื่อใช้เป็นหลักฐานขอรับเงิน (เดิม ประชาชนต้องมาติดต่อ 2 ครั้ง คือ ครั้งแรก ยื่นคำขอ ครั้งที่สอง ขอรับเงิน
ทั้งนี้กระทรวงยุติธรรมได้ดำเนินการตามมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 แล้ว การดำเนินการดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดการสูญเสียรายได้ของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐ ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือเยียวยา คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา