ขอบคุณ ขอโทษ และขอให้คุณได้ดู One for the Road
THE STANDARD POP ขอพาทุกคนอุ่นเครื่องก่อนดู One for the Road ผลงานกำกับล่าสุดของ บาส-นัฐวุฒิ พูนพิริยะ กับ 10 ประเด็นรายล้อม แบบไม่สปอยล์ อ่านจบแล้วอยากชวนทุกคนหยิบกุญแจ เตรียมสตาร์ทรถ แล้วออกเดินทางทบทวนทุกความสัมพันธ์ครั้ง ‘เก่าส์’ ไปพร้อมๆ กัน
1. สตาร์ทรถ ทบทวนความสัมพันธ์ใน One for the Road
เรื่องย่อของ One for the Road เรียบง่าย ไม่มีอะไรซับซ้อน ว่าด้วยตัวละครหลักอย่าง อู๊ด (ไอซ์ซึ-ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์) ที่รู้ว่าตัวเองอยู่ได้อีกไม่นานเพราะป่วยเป็นลูคีเมีย เลยขอให้ บอส (ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร) เพื่อนสนิทที่เคยใช้ชีวิตร่วมกันที่นิวยอร์ก มาขับรถร่วม Road Trip คืนของให้ ‘แฟนเก่าส์’ พร้อมกับทบทวนความสัมพันธ์ทั้งตอนอยู่ด้วยกันและวันจากลา
2. ไม่บีบคั้นให้เสียน้ำตา แต่ร้องไห้ออกมาด้วยความเข้าใจ
ถึงแม้จะยังเห็นลีลาเทคนิคการเล่าเรื่องใน One for the Road เพื่อเพิ่มสีสันให้รู้สึกสนุกขึ้นได้อย่างแพรวพราว แต่เรารู้สึกว่าบาสลดทอนเทคนิคที่หวือหวา กระตุ้นความตื่นเต้น กลัวจนตัวสั่นเหมือนใน Countdown (2012) หรือบีบคั้น กดดัน ไม่ได้หายใจหายคอเหงื่อซึมหลังเหมือนใน Bad Genius (2017) ลงไปอยู่พอสมควร
สิ่งที่แลกมาคือ ช่วงจังหวะช้าๆ เว้นช่องว่างให้คนดูค่อยๆ พาตัวเองไปสวมทับ หรือทำความเข้าใจในสถานการณ์เดียวกับตัวละคร หรือนึกถึงเรื่องราวที่เคยผ่านมาในชีวิตแบบเรียบง่าย ไม่บีบคั้น แต่ถ้าไปโดนจุดคลิกหรือทริกเกอร์บางอย่างขึ้นมา ก็อาจเสียน้ำตาได้แบบไม่รู้ตัว
3. เครื่องดื่มแก้วสุดท้ายก่อนแยกทาง
One for the Road คือสำนวนที่หมายถึง เครื่องดื่มแก้วสุดท้ายก่อนกลับบ้านหรือร้านปิด แต่ละคนมีตัวเลือกให้ตัดสินใจมากมาย บางคนอาจปิดท้ายค่ำคืนด้วยค็อกเทลแก้วโปรด บางคนอาจเลือกเมนูใหม่ที่ไม่เคยลอง บางคนอาจเลือกแอลกอฮอล์หมัดหนัก ซัดตัวเองจนคว่ำเพื่อให้ค่ำคืนเลวร้ายผ่านไปได้ง่ายขึ้น หรือบางคนก็อาจเลือกเช็กบิลกลับบ้านไปเฉยๆ โดยไม่ต้องทิ้งท้ายอะไร
ตรงกับคำถามสำคัญที่หว่องกาไว โปรดิวเซอร์ของภาพยนตร์ส่งตรงมาที่ผู้กำกับว่า “อยากทำอะไรในวันท้ายๆ ก่อนที่จะจากโลกนี้ไป” บาสได้คำตอบว่าเขาอยากกลับไปขอโทษหลายๆ คนที่เคยเข้ามาในชีวิต และโฟกัสไปที่แฟนเก่า จนกลายมาเป็นคอนเซปต์สำคัญของ One for the Road
4. ขอบคุณ ขอโทษ และขอให้คุณโชคดี
นอกจากการกลับไป ‘ขอโทษ’ ในหลายๆ การกระทำระหว่างติดตามอู๊ดและบอสเดินทาง เราจะได้สัมผัสอีกสองความรู้สึกคือคำว่า ‘ขอบคุณ’ และ ‘ขอให้โชคดี’ อยู่ตลอดสองข้างทาง และแต่ละจุดหมายของ Road Trip ครั้งนี้
เช่นเดียวกับที่ทุกคนจะได้ใช้ภาพที่เห็นจากภาพยนตร์ เป็นเหมือนแบ็กกราวด์หรือประตูย้อนความทรงจำ พาเรากลับไปยังเหตุการณ์เก่าๆ ที่อยากกลับไปกล่าวทั้งสามคำให้กับใครบางคน (หรือหลายคน)
5. เมื่อมีความรัก เราต่างเป็นส่วนหนึ่งของ ‘ความฝัน’ ซึ่งกันและกันเสมอ
แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกการเดินทางจะสมหวังและราบรื่น เช่นเดียวกับทุกความรักที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เต็มไปด้วยหนามแหลมทิ่มแทงจนเลือดไหล เช่นเดียวกันอีกที่แต่ไม่มีใครเป็นคนรักที่สมบูรณ์แบบ และหลายครั้งเราก็ทำอะไรหลายๆ อย่างที่เรียกว่า ‘งี่เง่า’ ได้เต็มปากใส่กันอยู่บ่อยๆ
แต่สิ่งหนึ่งที่อู๊ด บอส ทุกตัวละคร และทุกๆ ความสัมพันธ์ไม่ว่าจะรูปแบบไหนใน One for the Road แสดงให้เห็นคือ เมื่อก้าวมาเป็นส่วนหนึ่งของความรัก เราจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ ‘ความฝัน’ ของกันและกัน ทั้งในรูปแบบการซัพพอร์ต เฝ้ามองอยู่ห่างๆ หรือแม้กระทั่งเป็นตัว ‘ขัดขวาง’ ความฝัน ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม
และในทุกๆ ความความสัมพันธ์ ความรัก ความฝัน ที่จบลงไป เราจะเปลี่ยนแปลงไปเสมอไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
6. เรียนรู้ ยอมรับ และดื่มหมดแก้วให้กับความ ‘ห่วยแตก’ ของตัวเอง
“ถ้าสมมติคนดูแล้วรู้สึกว่าไอ้คนสองคนนี้แม่งเป็นผู้ชายที่ห่วยแตกสัตว์ๆ เขาไม่ได้ด่าคาแรกเตอร์ ไม่ได้ด่านักแสดง เขาด่าผมในฐานะมนุษย์”
บาสให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD POP ว่าที่ผ่านมาเขาหลีกเลี่ยงการเอาเรื่องส่วนตัวมาทำภาพยนตร์ ส่วนหนึ่งเพราะกลัวที่จะต้องยอมรับว่าตัวเองเป็นมนุษย์ที่ห่วยแตกขนาดไหน แต่ One for the Road คือจดหมายขอโทษต่อหลายๆ คนในชีวิตที่ผ่านเข้ามา และเป็นการสารภาพความห่วยแตกของตัวเองอย่างเป็นทางการต่อหน้าสาธารณชน
เช่นเดียวกับอู๊ดและบอสที่สะสมความงี่เง่า ห่วยแตก มาทั้งชีวิต ไม่แตกต่างอะไรกับคนดูหลายคน ที่อาจจะได้เริ่มเดินทางกลับไปเรียนรู้ ยอมรับ ทำความเข้าใจกับทุกสิ่งที่ผ่านมา ชนแก้ว บอกลา แล้วเดินทางไปข้างหน้าโดยไม่มีอะไรค้างคาใจ
7. เหล้าขม แต่ผมก็จะดื่ม
กิมมิกสำคัญที่เราเห็นตลอดทั้งเรื่อง One for the Road คือเครื่องดื่มหลายชนิด ที่แต่ละแก้ว แต่ละขวด มีรสชาติและความหมายแตกต่างกันไป ตามแต่บาร์เทนเดอร์จะเลือกหยิบส่วนผสมไหนมาทำเป็น ‘ค็อกเทล’ ที่มีเอกลักษณ์สักแก้วหนึ่ง
แต่จุดร่วมอย่างหนึ่งที่ค็อกเทลทุกแก้วเหมือนกัน คือต่อให้ผสมด้วยรสเปรี้ยว หวาน หรือกลิ่มหอมแบบไหน ทุกแก้วจะมี ‘ความขม’ เป็นพื้นฐาน ซึ่งจะขมมากหรือน้อยก็ตามแต่ดีกรีที่ผสม ไม่ต่างอะไรกับความรักและการใช้ชีวิต
ที่ถึงแม้จะขมไปบ้าง แต่เราก็ยังอยากลองดื่มเหล้าทุกรสชาติอยู่ดี
8. เวลาอยู่ข้างเราเสมอ แต่ไม่ตลอดไป
จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของ One for the Road คือการเลือกใช้เพลงประกอบ ‘เส้นทาง’ ได้ตรงจังหวะ มีความหมาย เหมือนเป็น ‘ดีเจ’ คนรู้ใจ ที่อยู่เป็นเพื่อนและแนะนำเพลงที่เหมาะสม ช่วยเพิ่มอารมณ์ความรู้สึกระหว่างการเดินทางได้เป็นอย่างดี
โดยเฉพาะเพลง Time is on My Side ของวง The Rolling Stones ที่มาช่วยย้ำเตือนความสำคัญของ ‘เวลา’ ให้รู้ว่า เวลาไม่เคยใจร้าย เวลาอยู่เคียงข้างให้เราได้ทำสิ่งต่างๆ อยู่เสมอ เพียงแต่ในช่วงชีวิตหนึ่งที่ถูกกำจัด หากชะล่าใจหรือเมินเฉย เวลาก็ไม่อาจอยู่เป็นเพื่อนเราได้ตลอดไป
9. “นักแสดงที่ดีจะรู้จักตัวละครมากกว่าที่ผมรู้จัก”
บาสให้สัมภาษณ์กับเราว่านักแสดงทุกคนใน One for the Road ตั้งแต่ ไอซ์ซึ-ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์, ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร, พลอย หอวัง, ออกแบบ-ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง, นุ่น-ศิรพันธ์ วัฒนจินดา, หญิง-รฐา โพธิ์งาม และ วี-วิโอเลต วอเทียร์ ช่วยยืนยันเรื่องนี้กับเขาในฐานะผู้กำกับได้ดีที่สุด
เมื่อได้ดู One for the Road จบ เราก็ไม่มีข้อกังขา และเชื่อว่าในทุกๆ บทความที่พูดถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ จะมีเรื่องความมหัศจรรย์ของนักแสดงทุกคนถูกพูดถึงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นอกจากคำชื่นชม ถ้าหยิบคอนเซปต์จากภาพยนตร์มาใช้ได้ เราก็อยากกล่าว ‘ขอบคุณ’ นักแสดงและทีมงานทุกคน ที่มาเป็นส่วนหนึ่งช่วยให้เราได้เดินทางกลับไปทบทวนเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างสวยงามที่สุดในครั้งนี้
10. เดินทางปลอดภัยนะครับ…สวัสดี
อย่างที่เราบอกไว้ตอนต้นของบทความ ว่าประสบการณ์และความเชื่อของแต่ละคนจะส่งผลกับความรู้สึกระหว่างเดินทางไปพร้อมกับอู๊ดและบอสแตกต่างกันไป ตั้งแต่เรื่องความรักแบบหนุ่มสาว มิตรภาพระหว่างเพื่อน ไปจนถึงความสัมพันธ์กับคนในครอบครัว
อย่างตัวผู้เขียนที่ดูจบแล้วอาจไม่ได้รู้สึกอยากกลับไปพูดคุยกับอดีตคนรักที่ผ่านมา เพราะยังมีแนวคิดเหมือนบอสว่า จะเป็นการไปเปิดแผลซึ่งกันและกันมากกว่าคลี่คลาย แต่สิ่งหนึ่งที่เราจะทำแน่ๆ ก่อนถึงวันสุดท้าย
คือการกลับไปหาคนที่ส่งให้เราได้ออกไปดูโลกกว้าง ใช้ชีวิตอย่างใจฝัน ทั้งที่ตัวเองได้แต่อดทนทำงานอยู่ที่เดิมซ้ำๆ คอยเฝ้าดูอยู่ห่างๆ และอวยพรให้เราเดินทางปลอยภัยอยู่เสมอ เพื่อบอกกับคนเหล่านั้นว่า
“ขอโทษที่เคยทำให้เสียใจ ขอบคุณทุกความหวังดี และจากนี้เราจะกลับไปเดินทางร่วมกัน”