หลังเกิดเรื่องราวดราม่าถึงความพ่ายแพ้ของ สด-ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี ที่มีต่อ ลาซาโร อัลวาเรซ นักชกจอมเก๋าจากคิวบา ไปแบบคู่คี่สูสี 2-3 เสียง จนทำให้ตกรอบ 8 คนสุดท้าย มวยสากลกีฬาโอลิมปิกเกมส์ โดยกระแสในโลกโซเชียลมีทั้งบอกว่า ฉัตร์ชัยเดชาสมควรเป็นผู้ชนะ รวมถึงการแข่งขันสามารถออกหน้าไหนก็ได้
ล่าสุด สมชาย พูลสวัสดิ์ ผู้จัดการทีม และประธานพัฒนาเทคนิคสมาคมกีฬามวยสากลสมัครเล่นแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตนพูดในฐานะคนทำมวย คิดว่าเราไม่น่าแพ้ แต่ก็ยอมรับในคำตัดสินของกรรมการในการทำหน้าที่ครั้งนี้ อย่างที่บอกทั้งคู่ต่างมีดีกรีและมีประสบการณ์ที่สูงพอๆ กัน หากเกมไม่ขาดโอกาสที่จะออกหน้าไหนก็ได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใดต้องชื่นชมสปิริตของฉัตร์ชัยเดชา ซึ่งทำหน้าที่ครั้งนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบมาก ถือเป็นแบบอย่างให้กับนักชกรุ่นน้องได้เอาเยี่ยงอย่าง
ประธานพัฒนาเทคนิคฯ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ต้องชื่นชมโค้ชทั้ง 3 คน กามนิตย์ นารีรักษ์, เพิก พึ่งปัญญา และ ชัยชุมพล ชำนาญมาก ที่ร่วมทำงานในการแก้เกมและวางแผนการชกให้กับนักมวยทุกคนในการแข่งขันกีฬามวยโอลิมปิกเกมส์หนนี้ได้เป็นอย่างดี นักมวยหญิง 3 คนเป็นน้องใหม่ในโตเกียวเกมส์ แต่ทุกคนทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม ผ่านเข้าถึงรอบ 8 คน กับรอบ 16 คนได้ ก็ต้องยกนิ้วให้ โดยเฉพาะในคู่ของฉัตร์ชัยเดชากับนักชกคิวบา ที่เกมเบียดชนิดหายใจรดต้นคอแบบลุ้นกันสนุก เพียงแต่การตัดสินไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ก็เท่านั้น
“ในเรื่องของการตัดสินผมรับได้ เพราะทางคณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ IOC ก็ได้เน้นย้ำอยู่ตลอดถึงความโปร่งใส เท่าที่ได้ทราบข้อมูลมาจะมีการประเมินผู้ตัดสินที่ทำหน้าที่ทุกวันว่าใครมีข้อผิดพลาดตรงไหน ตั้งใจหรือไม่ โดยทาง IOC พยายามขจัดปัญหาเรื่องการตัดสินที่ไม่เป็นธรรมหรือตัดสินแบบมีใบสั่งให้หมดไป ถึงขนาดมีการติดตั้งกล้องไว้ที่โต๊ะกรรมการให้คะแนนทุกคน เพื่อดูพฤติกรรมว่ามีพิรุธในการให้คะแนนหรือไม่
เท่าที่ดูการตัดสินในหลายคู่ก็ไม่มีปัญหา หลายชาติยอมรับ ไม่มีการประท้วงแต่อย่างใด แต่การผิดพลาดนั้นคิดว่าอาจเป็นที่ตัวบุคคลมากกว่า รวมถึงประสบการณ์ของบางคนยังน้อยเกินไป ตั้งแต่แมตช์แรกจนถึงขณะนี้มีผู้ตัดสินที่ถูกพักงาน 4-5 คน และถูกส่งตัวกลับแค่ 1 คน” สมชายกล่าวในที่สุด
