ศึกพรีเมียร์ลีกกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญใน 10 เกมสุดท้ายของฤดูกาล 2018-19 โดยเมื่อคืนวันที่ 3 มีนาคม ที่สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านรับการมาเยือนของเซาแธมป์ตัน
โดยเกมนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเกือบพลาดโอกาสก้าวขึ้นไปอยู่อันดับที่ 4 ของตาราง เนื่องจากทั้งสองทีมเสมอกันอยู่ 2-2 จนถึงช่วง 2 นาทีสุดท้าย แต่ท้ายที่สุดก็เป็น โรเมลู ลูกากู ที่สวมบทฮีโร่ ซัดประตูชัยในนาทีที่ 88
ลูกากูถอดเสื้อวิ่งฉลองชัยชนะนัดที่ 10 จาก 12 เกมในศึกพรีเมียร์ลีก ภายใต้การคุมทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ พร้อมกับเสียงเพลงเชียร์กุนซือรักษาการที่ดังกระหึ่มไปทั่วสนาม
“ผมมีความสุขมากกับผลงานของนักเตะ ที่พวกเราสู้จนคว้า 3 คะแนน มาได้สำเร็จในเกมนี้” อดีตนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผู้ยิงประตูชัยให้ทีม ในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกนัดชิงชนะเลิศเมื่อปี 1999 ให้สัมภาษณ์ถึงวันที่เขาเคยทำประตูชัยในช่วงท้ายเกมในฐานะนักเตะ
“มันเป็นความรู้สึกเก่าๆ ที่ผมเคยเป็นส่วนหนึ่งมาหลายครั้งมาก”
โดยออกสตาร์ทเกมนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็นฝ่ายเสียประตูก่อน จากลูกยิงไกลสุดสวยของ ยานน์ วาเลรี ก่อนที่ อันเดรส เปเรย์รา จะยิงประตูตีเสมอ และ โรเมลู ลูกากู จะซัดพาทีมพลิกขึ้นนำ 2-1
แต่เซาแธมป์ตันก็ฮึดตีเสมอเป็น 2-2 จากลูกฟรีคิกสุดสวยของ เจมส์ วอร์ด-เพราส์ จนช่วงท้ายเกมเป็นลูกากูที่ยิงประตูชัยให้กับเจ้าบ้านได้สำเร็จ
“เขาเป็นตัวจบสกอร์ชั้นเยี่ยม เราต้องพึ่งพาเขามากขึ้นในจังหวะหน้าประตู แต่เขาทำได้อย่างดีเยี่ยมจากการทำงานอย่างหนัก เขาชอบยิงประตู เขามีรอยยิ้มทุกวัน และ เขาฝึกซ้อมยิงมากเป็นพิเศษ ” โซลชาร์ออกปากชมลูกากู หลังเหมาคนเดียวสองประตูในเกมนี้
สำหรับชัยชนะในเกมนี้ ส่งผลให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดขึ้นเป็นอันดับที่ 4 มี 58 คะแนน มากกว่าอาร์เซนอลที่บุกไปเสมอกับท็อตแนม ฮอตสเปอร์ไป 1-1 อยู่ 1 แต้ม ซึ่งเกมพรีเมียร์ลีกนัดต่อไป อาร์เซนอลจะเปิดบ้านรับการมาเยือนของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในวันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคมนี้
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: