กบน. ใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าพยุงราคาน้ำมันดีเซล แก้น้ำมันแพง หลังจบมาตรการลดภาษีสรรพสามิตลิตรละ 1 บาท ในวันที่ 19 เมษายนนี้ แม้ปัจจุบันฐานะกองทุนติดลบทะลุ 1 แสนล้านบาทแล้ว หวั่นสงครามตะวันออกกลางดันนำ้มันพุ่ง
สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ออกแถลงการณ์ระบุว่า ได้ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่งราคาน้ำมันยังคงตัวอยู่ในระดับสูง และยังมีปัจจัยต่างๆ ที่จะส่งผลกระทบกับราคาน้ำมันได้ โดยเฉพาะความไม่สงบในประเทศตะวันออกกลางกรณีอิหร่าน-อิสราเอลที่อาจปะทุขึ้นอีก ประกอบกับมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 1 บาทต่อลิตร กำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 19 เมษายน 2567 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล
สกนช. เห็นว่า เพื่อไม่ให้มาตรการลดภาษีที่สิ้นสุดลงกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลมากนัก จึงจะเสนอคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ให้ใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาช่วยดูเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนมากจนเกินไป และไม่ให้ราคามีการเปลี่ยนแปลงมากจนเกินไป
โดย กบน. จะพิจารณาอัตราการอุดหนุนหรือลดการชดเชยให้เป็นไปตามช่วงเวลาและจังหวะที่เหมาะสม จึงขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงยังคงรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันภายในประเทศไม่ให้ผันผวนมากจนเกินไป
สำหรับฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสุทธิ ณ วันที่ 14 เมษายน 2567 ติดลบ 103,620 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 56,407 ล้านบาท ส่วนก๊าซ LPG ติดลบ 47,213 ล้านบาท
ขณะที่ล่าสุดมีรายงานข่าวว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (18 เมษายน) ไม่มีการนำเสนอวาระให้ ครม. พิจารณาต่ออายุของมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 1 บาทต่อลิตร กำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 19 เมษายน 2567 ซึ่งจะเป็นปัจจัยส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นมา 1 บาทต่อลิตรทันทีหากไม่มีมาตรการอื่นๆ ออกมาเพื่อช่วยพยุงราคาน้ำมันดีเซล
ก่อนหน้านี้ที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติต่ออายุมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 1 บาทต่อลิตรเป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 19 เมษายนนี้ จากเดิมมาตรการดังกล่าวจะสิ้นสุดวันที่ 30 มกราคม 2567 เพื่อเป็นการลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนด้านราคาพลังงาน โดยจากมาตรการดังกล่าวจะทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต 6 พันล้านบาท