สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยกับ THE STANDARD WEALTH ว่า จากการทดสอบความสามารถในการรับมือภาวะวิกฤตหรือ Stress Test ของบริษัทประกันวินาศภัยไทยของ คปภ. พบว่า ในภาพรวมระบบประกันภัยไทยยังมีฐานะการเงินอยู่ในระดับปลอดภัย เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และสามารถรับมือกับภาวะวิกฤตระดับความรุนแรงปานกลางและความรุนแรงระดับสูงได้อย่างไม่มีปัญหา
อย่างไรก็ดี มีบริษัทประกัน 1-2 แห่ง ที่อาจได้รับผลกระทบมากกว่าบริษัทอื่นๆ ซึ่ง คปภ. ได้ใช้ระบบ Early Warning System เข้าไปติดตามดูอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว รวมถึงมีการบูรณาการการทำงานร่วมกับสมาคมประกันวินาศภัยอย่างต่อเนื่อง จึงอยากให้ผู้บริโภคสบายใจได้ว่าจะได้รับการคุ้มครองตามสัญญา
เลขาฯ คปภ. กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีของสินมั่นคงประกันภัยที่ก่อนหน้านี้ได้ใช้สิทธิบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยการติดเชื้อไวรัสโควิดแบบ ‘เจอ จ่าย จบ’ กับผู้เอาประกันภัยก่อนที่จะกลับลำให้การคุ้มครองตามเดิมจากคำสั่งของ คปภ. พบว่า ยังมีฐานะการเงินมั่นคงและไม่พบสัญญาณบ่งชี้ปัญหาที่อาจกระทบต่อเงินกองทุน
สุทธิพลระบุว่า จากการตรวจสอบพบว่า สินมั่นคงฯ เป็นบริษัทที่เน้นรับประกันรถยนต์แบบสมัครใจเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนการรับประกันรถยนต์แบบสมัครใจถึง 72% ของพอร์ตรวมสูงกว่าประกันโควิดค่อนข้างมาก ซึ่งสินมั่นคงฯ มีการรับประกันโควิดแบบเจอจ่ายจบประมาณ 1.19 ล้านกรมธรรม์ คิดเป็นเบี้ยรับประมาณ 603 ล้านบาท แต่จ่ายค่าสินไหมไปแล้วราว 900 ล้านบาท จากผู้เคลมหลักหมื่นราย
“เขาคงประเมินว่าถ้ามียอดเคลมสูงขึ้น พอร์ตเจอจ่ายจบจะขาดทุนมาก จุดนี้ทำให้เร่งตัดสินใจระยะสั้น เนื่องจากเงื่อนไขในกรมธรรม์เขียนให้บริษัทประกันบอกเลิกสัญญาได้ แต่เขาคงดูกฎหมายไม่แม่น ดูแค่ Wording เลยคิดว่าทำได้ เพราะในความเป็นจริงยังมีกฎหมายประกอบอื่น เช่น มาตรา 29 วรรค 2 ของ พ.ร.บ. ประกันวินาศภัย ที่ให้อำนาจนายทะเบียนปรับปรุงเนื้อหาของกรมธรรม์ที่ไม่เหมาะสมได้ กรณีของสินมั่นคงฯ ถ้าปรึกษา คปภ. ก่อน ผลจะไม่ออกมาเช่นนี้ ตอนนี้เขาต้องเจอทั้งมาตรการทางกฎหมายและ Social Sanction” เลขาฯ คปภ. กล่าว
สุทธิพลกล่าวด้วยว่า คำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 เรื่อง ให้ยกเลิกเงื่อนไขการใช้สิทธิบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยโดยบริษัทในกรมธรรม์ประกันภัย COVID-19 สำหรับบริษัทประกันวินาศภัยล่าสุดของ คปภ. นั้น มีผลบังคับใช้กับบริษัทประกันทุกแห่งไม่เฉพาะกับสินมั่นคงฯ และครอบคลุมประกันโควิดทุกรูปแบบ โดยสิทธิการบอกเลิกสัญญากรมธรรม์จากบริษัทประกันภัยจะยกเว้นให้แค่กรณีเดียวคือ พบการทุจริต ฉ้อฉลจากผู้เอาประกันภัย
“ในช่วงบ่ายวันนี้ (19 กรกฎาคม) คปภ. ได้เรียกสินมั่นคงฯ เข้ามาพูดคุยอีกครั้งเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกัน และเราต้องขอบคุณสมาคมประกันชีวิตและสมาคมประกันวินาศภัยที่ออกแถลงการณ์ยืนยันให้ความคุ้มครองกับผู้บริโภค จนทำให้ความเชื่อมั่นต่อระบบประกันไทยกลับมา” สุทธิพลกล่าว
เลขาฯ คปภ. ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการส่งข่าวกระจายตามช่องทางออนไลน์ต่างๆ ถึงพฤติการณ์ของผู้เอาประกันภัยโควิดบางรายที่เอาตัวไปเสี่ยงให้ติดเชื้อโควิดเพื่อหวังจะได้เคลมเงินประกัน อาทิ มีการโพสต์ขายยาดมและหน้ากากอนามัยที่มีเชื้อโควิด ว่า คปภ. อยู่ระหว่างจับตาดูสถานการณ์ดังกล่าว แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พิสูจน์ค่อนข้างยาก
อย่างไรก็ดี หากสามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นการกระทำความผิดฐานฉ้อฉลประกันภัย ผู้กระทำผิดจะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
