กองทุนน้ำมันฯ เล็งเลิกอุ้มดีเซลรถยนต์หรู พร้อมศึกษาแผนทยอยลดการตรึงราคาดีเซลแบบขั้นบันได ป้องกันแพนิกหากราคาน้ำมันดิบพุ่งแรงเกินต้าน
วิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ Morning Wealth ของ THE STANDARD WEALTH ว่า ทางกองทุนน้ำมันฯ กำลังพิจารณาแยกการอุดหนุนน้ำมันดีเซลในส่วนที่ใช้กับกลุ่มรถยนต์ราคาแพงหรือรถหรูที่เติมดีเซลพรีเมียมเอ็กซ์ตราออกจากราคาน้ำมันดีเซลปกติ
โดยปัจจุบันกองทุนอุดหนุนน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 7.77 บาทต่อลิตร ลดลงจากก่อนหน้านี้ที่อุดหนุน 11.95 บาทต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคมเป็นต้นไป ซึ่งเป็นการทยอยลดการอุดหนุนตามทิศทางราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่ขณะนี้ปรับลดลงต่ำกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
“กองทุนกำลังหารือร่วมกับกรมธุรกิจพลังงานที่ทำหน้าที่กำหนดสเปกน้ำมันกรมสรรพสามิต เพื่อแยกเซ็กเตอร์ผู้ใช้น้ำมันดีเซลในกลุ่มรถหรู เพื่อกองทุนจะไม่เอาเงินไปอุดหนุนส่วนนี้ ซึ่งกำลังอยู่ในกระบวนการพิจารณา แม้รถหรูจะเติมน้ำมันดีเซลพื้นฐาน B7 ได้ แต่กรณีรถหรูมีศักยภาพเติมน้ำมันดีเซลพรีเมียมจะแยกออกไป เพื่อไม่ให้กองทุนเข้าไปอุดหนุนมากเกินความจำเป็น คาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะมีการประชุมร่วมกัน เพื่อนำเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) อีกครั้งเพื่อออกประกาศต่อไป เพราะต้องตรวจสอบกฎหมายและแก้ไขระเบียบต่างๆ”
ถ้าถามว่าสภาพคล่องของกองทุนที่มีอยู่ในขณะนี้จะสามารถดูแลสถานการณ์ราคาพลังงานในประเทศได้จนถึงเมื่อไร วิศักดิ์ยืนยันว่า เบื้องต้นกองทุนเอาวันที่ 31 มีนาคม 2565 เป็นตัวตั้งตามมาตรการอุดหนุนราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) แบบถังบรรจุขนาด 15 กิโลกรัม ไว้ที่ 318 บาท ที่จะสิ้นสุดมาตรการวันที่ 31 มีนาคมนี้ และการอุดหนุนราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรตามนโยบายรัฐบาล แต่จะอุดหนุนไปถึงเมื่อไร่หรือจะลดการช่วยเหลือหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกและนโยบายของรัฐบาลเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม ถ้าสถานการณ์เปลี่ยนแปลงหรือมีความผันผวนมากกว่านี้ในเชิงนโยบายต้องออกมาช่วยเพิ่มเติม ซึ่งตาม พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 กำหนดให้ใช้งบกลางหรือการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันที่ปัจจุบันเก็บในอัตรา 3.20 บาทต่อลิตร เข้ามาช่วยแบ่งเบา เป็นเครื่องมือที่ใช้ดำเนินการ และหากถึงจุดสูงสุดจะมีแผนลดการช่วยเหลือ แต่จะพยายามไม่ให้ราคากระชากมากเกินไปจนเกิดแพนิก เช่น จากเดิมตรึงราคาดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ก็อาจขยับขึ้นเป็น 30.50 บาทต่อลิตร แล้วค่อยๆ ขยับขึ้นไปเป็นขั้นบันได
“ตอนนี้กองทุนลดการอุดหนุนดีเซลเหลือประมาณ 5.80 บาทต่อลิตร ซึ่งการขึ้น/ลงของราคาน้ำมันทุก 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับประมาณ 20 สตางค์ต่อลิตร ถ้าดูไบประมาณ 5 บาท ราคาน้ำมันดิบต้องลงไปที่ประมาณ 60-70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศจึงจะสมดุลอยู่ที่ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร”
ล่าสุด กองทุนมีสถานะติดลบ 29,336 ล้านบาท จากการอุดหนุนราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ประมาณ 200-300 ล้านบาทต่อวัน รองรับสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบบางวันผันผวนขึ้นไปถึง 127 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และการอุดหนุนราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) แบบถังบรรจุขนาด 15 กิโลกรัม ไว้ที่ 318 บาท รวมกองทุนมีเงินไหลออกประมาณ 7,000 ล้านบาทต่อเดือน จากปัจจุบันกองทุนมีสภาพคล่องประมาณ 20,000 ล้านบาท
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP