หน่วยยามฝั่งสหรัฐอเมริการายงานว่า ทีมวิศวกรสามารถเก็บกู้เศษซากของเรือดำน้ำ Titan ส่วนที่เหลือได้เพิ่มเติมที่มหาสมุทรแอตแลนติก รวมถึงชิ้นส่วนที่สันนิษฐานว่ามาจากร่างมนุษย์ ซึ่งเป็นผู้โดยสารของเรือดำน้ำลำดังกล่าว
โดยย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน เรือดำน้ำที่พานักท่องเที่ยวดำดิ่งสู่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติกเพื่อชมซากเรือยักษ์อันเป็นตำนาน เกิดหายไปอย่างไร้ร่องรอย ส่งผลให้ทีมกู้ภัยต้องเร่งทำงานแข่งกับเวลาเพื่อค้นหาเรือ Titan อยู่นานหลายวัน แต่ในที่สุดปาฏิหาริย์ก็ไม่มีจริง เพราะวันที่ 22 มิถุนายน มีการแถลงข่าวยืนยันว่าลูกเรือ 5 คนของเรือ Titan อาจเสียชีวิตทันทีจากการระเบิดจากแรงบีบอัดครั้งใหญ่ โดยหุ่นยนต์ดำน้ำไร้คนขับได้ค้นพบส่วนท้ายของเรือดำน้ำ และพบเศษชิ้นส่วนซึ่งสอดคล้องกับกรณีที่ห้องโดยสารสูญเสียความดันอย่างรุนแรง
วานนี้ (10 ตุลาคม) หน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ รายงานว่า ทีมวิศวกรเก็บกู้เศษซากเรือดำน้ำส่วนที่เหลือได้เพิ่มเติมเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และนำขึ้นมาที่ท่าเรือของสหรัฐฯ แล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์จะทำการวิเคราะห์ชิ้นส่วนร่างของมนุษย์ต่อไป
ก่อนหน้านี้ บริษัท OceanGate ซึ่งเป็นเจ้าของเรือดำน้ำ Titan ระบุว่า เรือดำน้ำนี้เป็น ‘การทดลองของบริษัท’ และก็มีการนำเรือลงไปดำน้ำเพื่อดูซากเรือ Titanic อยู่หลายครั้ง ซึ่งอยู่ลึกลงไปต่ำกว่าระดับน้ำทะเลที่ระดับ 3,800 เมตรในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ขณะที่ สต็อกตัน รัช ซีอีโอของ OceanGate ก็เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย
นอกจากนี้ ลูกเรืออีก 4 คนประกอบด้วย ฮามิช ฮาร์ดิง มหาเศรษฐีและนักสำรวจชาวอังกฤษ, พอล-เฮนรี นาร์โกเล็ต อดีตนายทหารระดับสูงของกองทัพเรือฝรั่งเศส, ชาห์ซาดา ดาวูด นักธุรกิจเชื้อสายอังกฤษ-ปากีสถาน และ สุเลมาน ดาวูด ลูกชายของเขาวัย 19 ปี
เอกสารของศาลสหรัฐฯ ที่ถูกเปิดเผยหลังเหตุระเบิดระบุว่า รัชเพิกเฉยต่อคำเตือนด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับเรือดำน้ำลำดังกล่าว และ OceanGate ก็ได้ระงับการดำเนินงานทั้งหมดหลังเกิดภัยพิบัติ
ภาพ: Reuters
อ้างอิง: