องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) เตือนว่า การระบาดของโควิด-19 กำลังทำให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 100 ปี หากไม่นับช่วงเกิดสงคราม
ในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจของ OECD ระบุว่า มาตรการล็อกดาวน์และการจำกัดการเดินทางที่เข้มงวดในหลายประเทศทั่วโลกได้นำไปสู่การหดตัวของกิจกรรมทางธุรกิจ อีกทั้งส่งผลให้ห่วงโซ่การผลิตหรือซัพพลายเชนทั่วโลกหยุดชะงัก ขณะที่ปัญหาความเหลื่อมล้ำและหนี้สาธารณะขยายตัวมากขึ้น
“ผลกระทบทางเศรษฐกิจเลวร้ายทั่วทุกหนทุกแห่ง การฟื้นตัวจะดำเนินไปอย่างช้าๆ และวิกฤตครั้งนี้จะส่งผลกระทบยาวนาน” OECD ระบุ
ด้าน ลอเรนซ์ บูเน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ OECD ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า ความไม่แน่นอนที่เรากำลังเผชิญอยู่นั้นสูงมาก แต่ทางองค์กรคาดว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะเริ่มกระเตื้องขึ้นในหลายเดือนข้างหน้า
“เรากำลังจะได้เห็นแนวโน้มขาขึ้น ซึ่งจะเป็นการฟื้นตัวลักษณะตัว V ขณะที่บางเซกเตอร์อุตสาหกรรมกลับมาเปิดอีกครั้ง
“แต่เนื่องจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยว บันเทิง และสันทนาการยังไม่สามารถทำงานได้เหมือนแต่ก่อน ดังนั้นตัว V จะเริ่มไต่ขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่การจะขึ้นไปสู่ระดับก่อนหน้าโรคระบาดจะยากลำบากมากขึ้น” เธอกล่าวเสริม
ในรายงานมีการคาดการณ์ไว้ 2 สถานการณ์ (Scenario) แบบแรกคือ หากเกิดการระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 2 จะทำให้เศรษฐกิจโลกอาจหดตัวถึง 7.6% ในปี 2020 และจะยังอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดวิกฤตในสิ้นปี 2021
แต่ถ้าไม่เกิดการระบาดเวฟ 2 OECD คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะหดตัวเหลือ 6% ในปีนี้ และจะสามารถฟื้นตัวเกือบถึงระดับช่วงก่อนเกิดวิกฤตภายในสิ้นปีหน้า
รายงานยังระบุด้วยว่า ภายในสิ้นปี 2021 รายได้ที่สูญเสียไปจะสูงเกินกว่าภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจครั้งใดๆ ที่เคยเกิดขึ้นในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา หากไม่นับช่วงเกิดสงคราม ซึ่งเลวร้ายและส่งผลกระทบยาวนานต่อผู้คน บริษัท และรัฐบาลทั่วโลก
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
