ถึงจะต้องสะดุ้งตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางเพื่อมารายงานตัวยังจุดสตาร์ทที่สเตเทน ไอส์แลนด์ แต่เหล่านักวิ่งจำนวนกว่า 30,000 คนก็ยินดีและเต็มใจอย่างยิ่ง เพราะพวกเขากำลังจะได้ร่วมแข่งขันรายการ ‘นิวยอร์ก มาราธอน’ ที่กลับมาจัดอีกครั้ง หลังจากที่ต้องยกเลิกไปเมื่อปีกลายจากสถานการณ์การระบาดของโควิด
นิวยอร์ก มาราธอนครั้งนี้มีความพิเศษ เพราะนอกจากจะเป็นการแข่งขันครั้งที่ 50 แล้ว ยังเป็นเหมือนดังความหวังของชาวนิวยอร์กเกอร์ทุกคนกับวิถีชีวิตแบบปกติที่เริ่มจะกลับมา หลังจากที่ต้องเผชิญกับช่วงเวลามืดมนอนธการมาโดยตลอดตั้งแต่ปีกลาย ในฐานะหนึ่งในเมืองที่สถานการณ์การระบาดร้ายแรงที่สุด
การแข่งขันซึ่งมีขึ้นในเช้าวันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น) จึงเต็มไปด้วยบรรยากาศของความคิดถึง ความโหยหา และความสุขที่ส่งออกมาผ่านแววตาของผู้ร่วมเข้าแข่งขันทุกคน แม้ว่าการแข่งขันจะยังไม่ใช่รูปแบบปกติเต็มร้อยเหมือนอย่างเคย เพราะจำนวนผู้เข้าร่วมแข่งขันนั้นถูกลดลงจากเมื่อปี 2019 ราว 40 เปอร์เซ็นต์ และยังมีการแบ่งรอบการวิ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ไม่นับมาตรการอื่นๆ เพื่อลดความเสี่ยงของการระบาดของโควิด อาทิ การลดจำนวนคนที่ประจำจุดเติมพลังทั้งน้ำและอาหารให้พลังงาน รวมถึงงานเทศกาลที่เป็นสีสันหลังเส้นชัยก็ลดลงด้วย
แต่สำหรับผู้เข้าร่วมวิ่งทั้ง 30,000 คน ซึ่งออกตัวจากสเตเทน ไอส์แลนด์ ก่อนจะผ่านย่านบรูกลิน ออกไปทางควีนส์ มาถึงเซาท์บรองซ์ ก่อนจะกลับมาทางแมนฮัตตัน และสิ้นสุดเส้นทางที่เซ็นทรัลพาร์ก เพื่อรับเหรียญรางวัลจากอาสาสมัคร ไม่นับเหล่ากองเชียร์ที่ตื่นแต่เช้ามืดเพื่อมาให้กำลังใจเหล่านักวิ่งกันตลอดเส้นทาง นี่คือสิ่งที่พวกเขายินดีอย่างยิ่งที่จะทำ
ไรเคียล ลีไวน์ เจ้าหน้าที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลลินคอล์น ในย่านบรองซ์ ซึ่งมาเป็นแพทย์อาสาสมัครครั้งแรก กล่าวถึงความรู้สึกว่า “มันเหมือนกับโลกได้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก การได้เห็นคนทั้งเมืองได้ออกมาร่วมกัน เชื่อมถึงกันอีกครั้ง มันทำให้รู้สึกโรคระบาดครั้งนี้กำลังจะหายไป”
ส่วน โจ เชย์น โค้ชทีม TeamWRK ทีมวิ่งในนิวยอร์ก บอกสั้นๆ แค่ว่า “มันเหมือนเรามางานปาร์ตี้คืนสู่เหย้า”
เรายังมีความหวังจะได้กลับมามีวิถีชีวิตปกติกันอีกครั้ง นี่คือสิ่งที่ชาวนิวยอร์กอยากบอกกับทุกคน
อ้างอิง: