×

ทำไมงบ Nvidia ที่ออกมาดี ถึงหยุดการไหลลงของตลาดในเวลานี้ไม่ได้?

21.11.2025
  • LOADING...
ทำไม งบ Nvidia ที่ออกมาดี ถึงหยุด การไหลลงของตลาด ในเวลานี้ไม่ได้?

ดัชนี Nasdaq ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตัวแทนของหุ้นเทคโนโลยีของโลก ร่วงลง 2.15% เมื่อวานนี้ (20 พฤศจิกายน) สู่ระดับ 22,078 จุด ต่ำสุดในรอบ 2 เดือน แม้หุ้นที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกอย่าง Nvidia Corp. จะรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ออกมาดีกว่าคาด

 

ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกกำลังจะปิดสัปดาห์ด้วยผลงานที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 7 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา โดยดัชนี MSCI All Country World Index ร่วงลงเกือบ 3% ในสัปดาห์นี้ หลังจากดัชนี S&P 500 เกิดการกลับตัวระหว่างวัน (Intraday Reversal) ที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน โดยเปิดตลาดบวกกว่า 1% แต่กลับปิดลบถึง 3.6%

 

แรงเทขายระลอกใหม่ถูกจุดชนวนจากความกังวลเรื่องมูลค่าหุ้น (Valuation) ที่ตึงตัวจนเกินไป และคำถามสำคัญที่เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ว่า “การลงทุนมหาศาลใน AI จะคุ้มทุนหรือไม่”

 

นอกจากหุ้นเทคสหรัฐฯ ดัชนีหุ้นเอเชียในช่วงเช้านี้ก็ปรับตัวลดลง 1.6% เช่นกัน โดยเฉพาะดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้ ร่วงลงหนักถึง 4.2% ในช่วงแรกของการซื้อขาย ขณะที่ราคา Bitcoin ร่วงหลุดระดับ 86,000 ดอลลาร์สหรัฐ ตามทิศทางสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ ขณะที่ดัชนี Cboe Volatility Index (VIX) หรือดัชนีชี้วัดความกลัวในตลาด พุ่งขึ้นแตะระดับ 26.42 สูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน

 

สรพล วีระเมธีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าทีมกลยุทธ์การลงทุน บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า “หุ้นเทคโนโลยียังไม่ได้จบรอบ แต่มีโอกาสในการปรับฐาน หลังจากเริ่มปรับตัวลงมา 5-10% ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา”

 

ปัจจัยระยะสั้นมาจากมุมมองต่อนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งเดิมทีตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมแน่นอน แต่หลังจากตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ไม่ได้แย่มาก และการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจย้อนหลังของสหรัฐฯ ที่เลื่อนไปเป็น 16 ธันวาคม หลังจากการประชุมของเฟดในวันที่ 11 – 12 ธันวาคม ทำให้ตลาดเริ่มมองว่าเฟดอาจจะไม่ลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม

 

สรพลกล่าวต่อว่า สถิติอย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือ ตั้งแต่ช่วงปี 1980 – 1990 จนถึงปัจจุบัน วัฏจักรของอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์หลังจากการเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น เครื่องถ่ายเอกสาร หรือสมาร์ทโฟน จากจุดเริ่มต้นจนมักจะใช้เวลาเฉลี่ย 28 – 33 เดือน ก่อนที่จะจบรอบวัฏจักร

 

“รอบนี้ตั้งแต่การเปิดตัวของ OpenAI จะครบรอบ (ใกล้เคียงกับสถิติในอดีต) ช่วงปีหน้า ส่วนตัวยังไม่คิดว่าจะเป็นการจบรอบทันที แม้มูลค่าหุ้นปัจจุบันค่อนข้างสูง แต่รอบนี้เห็นหลายบริษัทที่กำไรยังเติบโตทำสถิติใหม่ต่อเนื่อง” สรพลกล่าว

 

ด้าน เดวิด โรเซนเบิร์ก นักเศรษฐศาสตร์และประธาน Rosenberg Research ระบุว่า “นานหลายทศวรรษแล้วที่หุ้นเพียงตัวเดียวสามารถขับเคลื่อนตลาดได้เหมือน Nvidia จงจำไว้ว่า นี่ยังคงเป็นฟองสบู่ในระดับมหากาพย์ ผมขอเป็นคนหนึ่งที่สงสัยว่าขนาดตลาด AI โดยรวมจะขยายตัวได้ถึง 8 เท่าในอีก 5 ปีข้างหน้าจริงหรือ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่กำลังสะท้อนอยู่ในราคาหุ้นขณะนี้”

 

เคธี วูด เข้าซื้อ Nvidia หลังประกาศงบ Q3

 

เคธี วูด นักลงทุนและผู้ก่อตั้ง ARK Invest ตัดสินใจเข้าซื้อหุ้น Nvidia Corp. (NVDA) ล็อตใหญ่เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน หลังราคาหุ้นปรับตัวลดลง แม้จะรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ที่แข็งแกร่งเกินคาด

 

ข้อมูลจากกองทุนเปิดเผยว่า ARK Innovation ETF (ARKK) ซึ่งเป็นกองทุนเรือธงของวูด ได้เข้าซื้อหุ้น Nvidia เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (20 พฤศจิกายน) จำนวนกว่า 93,000 หุ้น คิดเป็นมูลค่าราว 17.5 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 600 ล้านบาท)

 

การเข้าซื้อครั้งนี้ถือเป็นการเคลื่อนไหวที่มีนัยสำคัญ เพราะเป็น การซื้อครั้งแรกของกองทุน ARK นับตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม เป็นต้นมา ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณย้ำจุดยืนของวูดที่ยังคงเชื่อมั่นในทิศทางขาขึ้น (Bullish) ของ Nvidia และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่างเต็มเปี่ยม โดยปัจจุบันกองทุนต่างๆ ของ ARK ถือครองหุ้น Nvidia รวมกันราว 1 ล้านหุ้น ซึ่งเป็นสัดส่วนการถือครองที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 19 ของพอร์ต

 

แม้ Nvidia จะรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ดีกว่าคาด แต่ราคาหุ้นกลับร่วงลง 3.2% ในการซื้อขายเมื่อวันพฤหัสบดี ท่ามกลางความผันผวนอย่างหนัก เนื่องจากความกังวลของนักลงทุนใน 2 ประเด็นหลัก ได้แก่ ระดับสินค้าคงคลังที่เพิ่มสูงขึ้น (Rising Inventory Levels) และความกลัวเรื่อง “การระดมทุนแบบงูกินหาง” (Circular Financing) ซึ่งหมายถึงความกังวลว่ารายได้ของ Nvidia อาจมาจากการที่บริษัทเข้าไปลงทุนในสตาร์ทอัพ (เช่น OpenAI) แล้วสตาร์ทอัพเหล่านั้นก็นำเงินกลับมาซื้อชิปของ Nvidia ซึ่งอาจไม่ใช่ดีมานด์ที่แท้จริง

 

แม้ เจนเซน หวง ซีอีโอของ Nvidia จะพยายามออกมาลดกระแสความกังวลเรื่องฟองสบู่และ Circular Financing แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนส่วนใหญ่กลับมาได้ทันที

 

การเข้าซื้อของวูดในครั้งนี้ สวนทางกับความเคลื่อนไหวของนักลงทุนชื่อดังรายอื่นๆ อาทิ Michael Burry นักลงทุนดังจากภาพยนตร์ The Big Short ได้ออกมาเตือนเรื่องฟองสบู่หุ้นเทคฯ และเปิดเผยสถานะขายชอร์ต (Short Position) ใน Nvidia เช่นเดียวกับ SoftBank Group และ Peter Thiel นักลงทุนและผู้ร่วมก่อตั้ง Founders Fund, PayPal และ Palatir Technologies ต่างเทขายหุ้น Nvidia ออกไปก่อนหน้านี้

 

ภาพ: Woohae Cho/Getty Images

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising