รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติเมียนมา (NUG) หรือที่รู้จักกันในฐานะ ‘รัฐบาลเงา’ ออกแถลงการณ์หัวข้อ “การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของอาเซียนต่อสถานการณ์เมียนมา: การจัดการกับฉันทามติ 5 ข้อ, การธำรงไว้ซึ่งประชาธิปไตย และการปฏิเสธการเลือกตั้งจอมปลอมของกองทัพ”
แถลงการณ์ได้สรุปผลลัพธ์จากการประชุมการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อเมียนมา (Stakeholder Engagement Meetings on Myanmar หรือ SEMs) โดยมีมาเลเซียเป็นแกนหลักในฐานะประธานอาเซียนปีนี้ สาระสำคัญคือการประณามและปฏิเสธการเลือกตั้งใดๆ ที่จัดโดยรัฐบาลทหาร เพราะขัดต่อหลักประชาธิปไตยและฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน ทั้งยังเรียกร้องให้อาเซียนดำเนินการอย่างเด็ดขาด เพื่อยุติความรุนแรง ปกป้องพลเรือน และเปิดทางสู่การเปลี่ยนผ่านทางการเมืองในเมียนมา
THE STANDARD คัดและแปลใจความสำคัญของแถลงการณ์บางส่วน ดังนี้:
ตลอดระยะเวลาที่มาเลเซียดำรงตำแหน่งเป็นประธานอาเซียนในปี 2025 ได้มีการจัดการประชุมภายใต้หัวข้อการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อเมียนมา (SEMs) อย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้แทนพิเศษของประธานอาเซียนว่าด้วยเมียนมาเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งได้รวบรวมผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหลักๆ ไว้ด้วยกัน รวมถึง ตัวแทนจากรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติเมียนมา (NUG), สภาที่ปรึกษาเพื่อเอกภาพแห่งชาติ (NUCC), คณะกรรมการผู้แทนสมัชชาแห่งสหภาพ (CRPH), องค์กรต่อต้านทางชาติพันธุ์ (EROs), สภาที่ปรึกษา, หน่วยงานในระดับสหพันธรัฐ และองค์กรตัวแทนอื่น ๆ
การมีส่วนร่วมเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นเวทีในการหารือถึงวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในเมียนมา รวมถึงช่วยพัฒนากลยุทธ์และข้อเสนอแนะในการดำเนินการตามฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียนอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงเรื่องการยุติความรุนแรง การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และการเจรจาทางการเมือง ตลอดจนเพื่อแก้ไขปัญหาการเลือกตั้งจอมปลอมที่รัฐบาลทหารวางแผนไว้
ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการประชุม SEMs ได้เน้นย้ำถึงความกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ที่เลวร้ายลงในเมียนมา นับตั้งแต่การรัฐประหารในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 และได้ยืนยันถึงความมุ่งมั่นร่วมกันในการฟื้นฟูประชาธิปไตยและการธำรงไว้ซึ่งสิทธิมนุษยชน
ผลลัพธ์สำคัญของการประชุม มีดังนี้:
- การปฏิเสธการเลือกตั้งจอมปลอมของกองทัพ – ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีมติเป็นเอกฉันท์ในการประณามต่อแผนการเลือกตั้งของคณะรัฐประหาร โดยถือว่าเป็นการสร้างภาพลวงเพื่อตอกย้ำอำนาจการปกครองของทหาร ภายใต้ฉากหน้าของการปฏิรูปประชาธิปไตย การเลือกตั้งเหล่านี้ยังเป็นการท้าทายโดยตรงต่อฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน ที่ให้ความสำคัญกับการยุติความรุนแรง การเจรจาทางการเมืองแบบมีส่วนร่วมทุกฝ่าย และการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือทั้งหมด
- ความเป็นเอกภาพในหมู่กองกำลังปฏิวัติ – การประชุมได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในหมู่กองกำลังทั้งหมด เพื่อขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ในการสร้างเมียนมาที่เป็นประชาธิปไตย
- การเรียกร้องให้มีการดำเนินการที่เด็ดขาดของอาเซียน – ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเรียกร้องให้สมาชิกอาเซียนยกระดับฉันทามติ 5 ข้อให้เป็นมาตรการที่เป็นรูปธรรมและมีกรอบเวลาที่ชัดเจน ซึ่งสามารถยุติความรุนแรง ปกป้องพลเรือน ขับเคลื่อนการเจรจาทางการเมืองแบบมีส่วนร่วม และนำมาซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพสู่เมียนมา
- ภารกิจด้านมนุษยธรรม – ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเรียกร้องให้มีการสนับสนุนด้านมนุษยธรรมอย่างเร่งด่วนและต่อเนื่อง โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของกลไกการส่งมอบความช่วยเหลือข้ามพรมแดน และการร่วมมือกับองค์กรท้องถิ่นและองค์กรระดับชุมชน เพื่อสร้างหลักประกันว่าความช่วยเหลือจะเข้าถึงผู้ที่ต้องการมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง
- การเจรจาทางการเมืองแบบมีส่วนร่วมทุกฝ่าย – ที่ประชุมยืนยันว่าสันติภาพที่ยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมาจากกระบวนการทางการเมืองแบบมีส่วนร่วม ซึ่งรวมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ถูกต้องตามกฎหมายทั้งหมด ได้แก่ NUG, NUCC, EROs ตลอดจนองค์กรตัวแทนต่าง ๆ
- เสถียรภาพระดับภูมิภาค – ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเน้นย้ำว่า ความพยายามรัฐประหารและการโจมตีพลเรือนอย่างไม่เลือกหน้าของคณะรัฐประหารได้ทำให้วิกฤตการณ์ในเมียนมาส่งผลกระทบอย่างหนักต่อภูมิภาค ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงข้ามพรมแดน เสถียรภาพด้านการย้ายถิ่นฐาน และความสมบูรณ์ทางเศรษฐกิจ
ฉะนั้นการตอบสนองที่เข้มแข็งและเป็นเอกภาพของอาเซียนจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อป้องกันไม่ให้สันติภาพและความน่าเชื่อถือของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เสื่อมถอยลงไปมากกว่านี้
การประชุมได้ข้อสรุปอย่างชัดเจนว่า ‘ไม่มีหนทางใดที่ยอมรับการปกครองของทหารได้’ กรอบการทำงานด้านการเมืองหรือด้านมนุษยธรรมใดๆ ต้องยึดโยงอยู่กับเจตจำนงและความมุ่งหวังของประชาชนเมียนมา เพื่อสันติภาพ ความยุติธรรม และประชาธิปไตย
“เราขอเรียกร้องให้ประธานอาเซียนและรัฐสมาชิกทั้งหมดธำรงไว้ซึ่งความมั่นคงของฉันทามติ 5 ข้อ และปฏิเสธกระบวนการใดๆ ที่ละเมิดหลักการของฉันทามตินั้น ความเป็นผู้นำและความน่าเชื่อถือของอาเซียนขึ้นอยู่กับการยืนหยัดอย่างมั่นคงเคียงข้างประชาชนชาวเมียนมา ไม่ใช่กับผู้ที่ท้าทายบรรทัดฐานสากล ก่ออาชญากรรม และขัดขวางความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
เราขอยืนยันความมุ่งมั่นที่จะทำงานอย่างสร้างสรรค์ร่วมกับอาเซียน สหประชาชาติ และพันธมิตรระหว่างประเทศ เพื่อผลักดันการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองอย่างแท้จริง ซึ่งมีรากฐานมาจากความยุติธรรม การมีส่วนร่วม และประชาธิปไตยแบบสหพันธรัฐ”
ในส่วนท้ายของแถลงการณ์ได้มีการระบุถึงข้อเรียกร้องให้ดำเนินการ (Call for Action) ทั้งหมด 5 ข้อด้วยกัน ได้แก่:
- ปฏิเสธและไม่ให้การรับรองการเลือกตั้งใดๆ ที่จัดโดยคณะรัฐประหาร
เนื่องจากไม่มีความชอบธรรมภายใต้ฉันทามติ 5 ข้อ หรือบรรทัดฐานสากล
- ดำเนินมาตรการปกป้องพลเรือนจากความรุนแรงโดยทันที รวมถึงการยุติ
การโจมตีทางอากาศและปืนใหญ่ การเสริมสร้างกลไกการเฝ้าระวัง และการสนับสนุนเครือข่ายคุ้มครองด้านมนุษยธรรมในท้องถิ่นและข้ามพรมแดน
- ยุติการเพิกเฉยต่ออาชญากรรมที่คณะรัฐประหารกำลังกระทำอยู่ เช่น การ
โจมตีทางอากาศอย่างเป็นระบบ การสังหารหมู่ และการโจมตีพลเรือนและบุคลากรด้านมนุษยธรรม
- เรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษการเมืองทั้งหมดโดยทันทีและไม่มีเงื่อนไข
รวมถึงประธานาธิบดีวิน มินต์, ออง ซาน ซูจี, นักข่าว, นักเคลื่อนไหว และผู้นำชุมชนที่ถูกคุมขังอย่างผิดกฎหมาย
- ดำเนินการให้รัฐบาลทหารรับผิดชอบต่อการไม่ปฏิบัติตามและการ
ท้าทายฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียนอย่างต่อเนื่อง ผ่านมาตรการทางการทูต การระงับการเข้าร่วมประชุมอาเซียน และการดำเนินการระหว่างประเทศ
แถลงการณ์ปิดท้ายด้วยความหวังว่า มาเลเซียจะแสดงบทบาทนำที่เด็ดขาดในการนำพาเมียนมาไปสู่อนาคตที่เป็นประชาธิปไตย ผ่านการดำเนินการที่เป็นไปตามหลักการและความร่วมมือจากทุกฝ่าย
ภาพ: Ministry of Foreign Affairs – Myanmar – NUG / Facebook
อ้างอิง: