วันนี้ (29 มิถุนายน) ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. มีการเปิดประมูลคลื่นความถี่ 850 MHz / 1500 MHz 2100 MHz / และ 2300 MHz โดยเริ่มประมูลตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นมา
จากนั้นเวลา 09.05 น. หลังจากที่ภาคเอกชนสองราย คือ ‘ทรู-เอไอเอส’ เข้าห้องเสนอราคาประมูลแล้ว มีมวลชนนำโดย สหภาพแรงงาน บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) นับร้อยคนได้มาชุมนุมคัดค้านการประมูลคลื่นความถี่ครั้งนี้ และพยายามเข้ามายังสถานที่จัดประมูล
ด้าน เชิดชัย กัลยาวุฒิพงศ์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าเป็นที่ชัดเจนว่า ผู้ประมูลคลื่นความถี่ที่มีการประมูลในวันนี้มีเพียง 2 ราย ซึ่งก็เป็นผู้ที่ให้บริการหลักอยู่ในประเทศไทยอยู่แล้ว และหากมีการประมูลสำเร็จคลื่นความถี่ก็จะตกไปอยู่ในมือของเอกชน และจะเกิดการผูกขาดทำให้ และในอนาคต อาจจะทำให้คุณภาพในการใช้งานไม่เกิดการพัฒนารวมถึงราคาอาจจะสูงขึ้น
ทั้งนี้ มองว่าการกระทำดังกล่าวเป็นงานการกระทำที่ผูกขาดและเกิดการเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน ซึ่งชัดเจนอยู่แล้วว่าคลื่นความถี่มีจำกัด และ กสทช. เปิดให้มีการประมูลและทำการประมูลสำเร็จคลื่นความถี่นี้ก็จะอยู่ในมือของเอกชนไม่ต่ำกว่า 15 ปี ตามอายุของใบอนุญาต
เชิดชัยกล่าวอีกว่า ทางสหภาพเคยยื่นหนังสือให้ กสทช. พิจารณา ให้หยุดประมูลคลื่นไปก่อน เพื่อจะทำการหาวิธีประมูลคลื่นหรือการจัดสรรคลื่น เพื่อให้เกิดความยุติธรรม และความเท่าเทียมของเอกชนรายอื่น ที่ในอนาคตอาจจะเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ และถึงแม้ว่ากฎหมายจะเขียนไว้ว่าให้ กสทช. เป็นผู้จัดสรรทำการประมูล มองว่าขณะนี้ยังไม่มีเหตุความจำเป็นเร่งรีบ เพราะในส่วนของผู้ให้บริการ ก็มีความถี่ให้บริการประชาชนอยู่แล้ว หากเรามีวิธีการจัดสรรใหม่ๆ ทำการแก้กฎหมายและระเบียบ ก็จะทำให้การจัดสรรคลื่นความถี่มีวิธีที่หลากหลาย จะทำให้เกิดกับประโยชน์กับประชาชนมากกว่า
ทั้งนี้ หากการพูดคุยในวันนี้ไม่ได้ข้อสรุป ตามที่ทางกลุ่มสหภาพออกมาเรียกร้องนั้น เชิดชัย กล่าวว่า เราคงจะต้องทำการคัดค้านและเคลื่อนไหวต่อไป จนกว่าวิธีการจะแล้วเสร็จ ทั้งนี้เมื่อศาลปกครองกลางตัดสินออกมาแล้วว่าให้ประธาน กสทช. ขาดคุณสมบัติ และให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ใช้ช่องว่างทางกฎหมายทำหน้าที่ต่อ ซึ่งมองว่าเมื่อรู้ว่าไม่สามารถทำหน้าที่ได้ก็ควรหยุดปฏิบัติหน้าที่เอง
อีกทั้งการเปิดประมูลคลื่นความถี่ในวันอาทิตย์ที่เป็นวันหยุดราชการนั้นมองว่าเป็นการดำเนินการที่เร่งรัดเกินไป ซึ่งต้องถามว่าทำไมไม่เปิดประมูลในวันทำงาน ทั้งนี้คลื่นความถี่เป็นสมบัติของชาติ เพราะฉะนั้นควรจะมีวิธีการทำให้โปร่งใส ไม่ใช่ให้เหลือผู้ประกอบการเพียง 2 ราย อีกทั้งผู้ประกอบการทั้งสองรายยังเป็นผู้ให้บริการหลักอยู่แล้ว ซึ่งก็สามารถแบ่งปันจัดสรรกันเองได้ ไม่ต้องทำการประมูล ซึ่งการดำเนินการเช่นนี้เปิดโอกาสให้เกิดการฮั้วประมูลได้ และมองว่าจะเป็นการประเคนคลื่นความถี่ให้กับเอกชน
