บมจ.เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ ผู้ผลิตแซนด์วิช ขนมขบเคี้ยว จำหน่ายในร้าน 7-Eleven พร้อมเข้าซื้อ-ขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันที่ 19 พฤษภาคมนี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 3.6 พันล้านบาท ใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า NSL โดยราคาเปิดการซื้อ-ขายวันแรกที่ 14.60 บาท เพิ่มขึ้น 2.60 บาท จากราคา IPO ที่ 12 บาท คิดเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้น 21.66% จากนั้นราคาไต่ระดับเพิ่มขึ้นแตะราคาสูงสุดช่วงเปิดการซื้อขายที่ 15.20 บาท
NSL ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสำเร็จรูป เช่น แซนด์วิชอบร้อน เบเกอรี ขนมขบเคี้ยว วางจำหน่ายตามร้าน 7-Eleven และเป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายเนื้อสัตว์และผักแช่แข็ง โดยแบ่งธุรกิจได้ 4 ประเภท ได้แก่
- เบเกอรีแบรนด์ของ 7-Eleven ที่ NSL ผลิตให้
- แบรนด์ขนมขบเคี้ยวที่ NSL พัฒนาเอง
- ธุรกิจ Food Service นำเข้าและแปรรูปเนื้อสัตว์ อาหารทะเล และผักแช่แข็ง พร้อมนำไปประกอบอาหาร
- รับจ้างผลิตเบเกอรี หรือ OEM
NSL มีทุนจดทะเบียน 3 ร้อยล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 225 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 75 ล้านหุ้น ซึ่งเสนอขายในราคาหุ้นละ 12 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 9 ร้อยล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 3.6 พันล้านบาท
NSL มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 50% โดยหลัง IPO นั้น NSL จะมีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรก ได้แก่ สมชาย อัศวปิยานนท์ ถือหุ้น 75%, จุไรลักษณ์ เจียมวงษา ถือหุ้น 0.72% และ อรรถวัติ ศิริสิทธิธงไชย ถือหุ้น 0.56%
ผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2564 ทำรายได้รวม 763.8 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 5.7% โดยบริษัทมีกำไรสุทธิของไตรมาสที่ 1 ปี 2564 อยู่ที่ 56.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75.0% จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นเป็น 7.3% เมื่อเทียบกับ 4.0% ของงวดเดียวกันในปีก่อนหน้า โดยสาเหตุสำคัญมาจากการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพของบริษัทฯ ผ่านกลยุทธ์ที่ยั่งยืนท่ามกลางวิกฤต
สมชาย อัศวปิยานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ (NSL) กล่าวว่า บริษัทฯ มีแผนงานที่จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนมาเพิ่มขีดความสามารถ โดยบริษัทจะลงทุนในเครื่องจักรและก่อสร้างอาคารโรงงานแห่งใหม่ ซึ่งจะเน้นการผลิต 3 ผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ อาหารแช่แข็งพร้อมรับประทาน อาหารพร้อมรับประทานแบบไม่ต้องแช่เย็น และอาหารแห้งกึ่งสำเร็จรูป โดยมุ่งเน้นตลาดในประเทศเป็นหลักและขยายสู่ตลาดทั่วโลกต่อไป นอกจากนี้เงินที่ได้จากการระดมทุนยังจะช่วยปรับโครงสร้างทางการเงินจากการชำระคืนหนี้สถาบันการเงินและเป็นเงินทุนหมุนเวียน
อัครเดช เลี่ยมเจริญ ผู้อำนวยการด้านบัญชีและการเงิน NSL กล่าวว่า บริษัทฯ วางทิศทางธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง โดยในปีนี้จะมีการขยายการลงทุนในธุรกิจสแน็กภายใต้แบรนด์ NSL และกลุ่มธุรกิจฟู้ดเซอร์วิส ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ารายได้ปี 2564 ไม่ต่ำกว่า 3.5 พันล้านบาท เติบโตไม่ต่ำกว่า 16% และตั้งเป้ายอดขาย 6 พันล้านบาทในอีก 5 ปีข้างหน้า