ความท้าทายที่รอ โนวัค ยอโควิช ในปี 2024

หลังจากประสบความสำเร็จอย่างงดงามในปี 2023 ด้วยการคว้า 3 จาก 4 แกรนด์สแลมมาครอง ก็ดูเหมือนว่าการที่ โนวัค ยอโควิช นักหวดมือ 1 ของโลกจากเซอร์เบีย จะทำให้ปี 2024 ดีกว่าปี 2023 ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

อย่างไรก็ตาม ก่อนเริ่มต้นฤดูกาล 2024 มีนักข่าวไปถามเขาว่า เป็นไปได้ไหมที่เขาจะทำผลงานก้าวข้ามปี 2023 ไป โดยนักหวดชาวเซิร์บรายนี้แทบไม่ลังเลที่จะตอบว่า “คุณก็สามารถคว้า 4 แชมป์แกรนด์สแลมกับเหรียญทองโอลิมปิกได้นะ” พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า

สิ่งนี้เป็นความท้าทายที่ ‘โนเล่’ ต้องการเผชิญด้วยตัวเอง และเป็นเป้าหมายที่เขาอยากจะทำให้ได้อย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแค่มันอาจไม่ใช่สิ่งที่ง่ายเลย

ยอโควิชที่กำลังจะอายุครบ 37 ปีในเดือนพฤษภาคมนี้ คว้าแชมป์มาแล้วเกือบทุกรายการบนโลกนี้ แต่ความกระหายความสำเร็จของเขาแทบไม่ได้ลดลง เขาเคยออกมาบอกว่า ถ้วยรางวัลและตัวเลขสถิติคือสิ่งที่คอยผลักดันเขา

“เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับ ผมต้องการทำลายสถิติให้มากยิ่งขึ้น และสร้างประวัติศาสตร์ให้โลกเทนนิสมากขึ้น นั่นคือสิ่งที่คอยสร้างแรงบันดาลใจให้ผม” นักเทนนิสเจ้าของแชมป์แกรนด์สแลม 24 สมัยกล่าว

การได้ 3 จาก 4 แกรนด์สแลมในปีก่อน ทำให้เขากลายเป็นนักเทนนิสที่คว้าแชมป์แกรนด์สแลมประเภทเดี่ยวมากที่สุดในประวัติศาสตร์ แล้วในปี 2024 ยังเหลือความท้าทายอะไรให้เขาพิชิตอีกบ้าง

คว้าแชมป์แกรนด์สแลมมากที่สุดเพียงหนึ่งเดียวที่ 25 รายการ

หากยอโควิชป้องกันแชมป์ออสเตรเลียนโอเพนได้สำเร็จในปีนี้ เขาจะคว้าแชมป์แกรนด์สแลมมากที่สุดแต่เพียงผู้เดียวที่ 25 สมัย

การถกเถียงว่า โนวัค ยอโควิช เป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดตลอดกาล หรือ Greatest of All Time (G.O.A.T.) หรือไม่นั้น ยังคงดำเนินต่อไปในหมู่แฟนเทนนิส แต่ความจริงที่ยากจะปฏิเสธคือการที่เขาเป็นคนที่คว้าแชมป์แกรนด์สแลมมากที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ 24 สมัย ร่วมกับ มาร์กาเร็ต คอร์ต ตำนานนักเทนนิสชาวออสเตรเลีย และความจริงในข้อนี้ก็เป็นหนึ่งข้อที่ใช้ในการตัดสินว่า เขาเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดหรือไม่เช่นกัน

ไม่ต่างจากผู้เล่นชั้นนำคนอื่นๆ ยอโควิชให้ความสำคัญกับแกรนด์สแลมมากที่สุดในช่วงหลายปีหลัง เขาเลือกที่จะลดโปรแกรมการแข่งขันลงเพื่อให้ตัวเองมีเวลากับแกรนด์สแลมได้อย่างเต็มที่

ผลลัพธ์ที่ออกมาถือว่ายอดเยี่ยม เพราะนับจากปี 2021 เป็นต้นมา โนเล่ลงแข่งขันในรายการแกรนด์สแลมไปทั้งหมด 10 รายการ และได้แชมป์ไปถึง 7 รายการ

ผลงานที่โดดเด่นนี้เองที่ทำให้เขาไล่แซงทั้ง โรเจอร์ เฟเดอเรอร์, ราฟาเอล นาดาล รวมไปถึง เซเรนา วิลเลียมส์ จนทำสถิติคว้าแชมป์ 24 สมัยเท่ากับ มาร์กาเร็ต คอร์ต หลังจบฤดูกาลที่ผ่านมา

เขาเริ่มฤดูกาล 2024 ด้วยโอกาสทองในการคว้าถ้วยรางวัลนอร์แมน บรูกส์ ชาเลนจ์โทรฟี จากแกรนด์สแลมแรกของปีเป็นสมัยที่ 11 เพราะนอกจากเขาจะเป็นตัวเต็งในรายการนี้แล้ว ต้องอย่าลืมว่ายอโควิชยังไม่เคยแพ้ที่เมลเบิร์นพาร์กเลยนับตั้งแต่ปี 2018 ที่เขาแพ้ต่อ ฮยอนชุง นักเทนนิสจากเกาหลีใต้ไป 3 เซ็ตรวดในการแข่งขันรอบที่ 4

ยอโควิชเคยกล่าวว่า “การอยู่ในดินแดนออสเตรเลีย ผมเล่นได้ดีที่สุดเสมอ และรู้สึกดีที่สุดที่นี่” พร้อมกับยืนยันว่า เขาหายจากอาการเจ็บข้อมือที่ได้รับมาจากเทนนิสยูไนเต็ดคัพเมื่อต้นปีที่ผ่านมาเรียบร้อยแล้ว

“ผมอยากเริ่มต้นปีให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะการเริ่มต้นอย่างถูกต้อง มันสำคัญต่อเส้นทางที่เหลือตลอดฤดูกาล”

และการเริ่มต้นที่ถูกต้องในที่นี้ ก็คงเดาได้ไม่ยากว่าเขาต้องการเริ่มต้นด้วยแชมป์ออสเตรเลียนโอเพนนั่นเอง

คว้าเหรียญทองโอลิมปิกที่เขาเคยพลาดไป

โอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่โตเกียว เป็นอีกครั้งที่ยอโควิชต้องผิดหวังจากการได้เหรียญทอง

ภาพที่ยอโควิชฟาดแร็กเก็ตลงบนพื้นเพื่อระบายอารมณ์ระหว่างการแข่งขันเทนนิสชายในโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 แสดงให้เห็นว่าเขามุ่งมั่นกับแชมป์รายการนี้ขนาดไหน

เหรียญทองโอลิมปิกเรียกได้ว่าเป็นสิ่งเดียวในอาชีพที่เขายังทำไม่ได้ และเขาตั้งความหวังกับการได้มันมาทุกครั้งที่มีโอกาส

นั่นจึงทำให้เราได้เห็นภาพของเขาที่หลั่งน้ำตา หลังพ่ายแพ้ต่อ ฮวน มาร์ติน เดล ปอโตร ตั้งแต่รอบแรกของโอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่รีโอเดจาเนโร และภาพของเขาที่ฟาดงวงฟาดงาในญี่ปุ่น หลังพ่ายต่อ อเล็กซานเดอร์ ซเวเรฟ ในรอบรองชนะเลิศที่โตเกียว ปี 2020

และสิ่งที่ตามมาคล้ายๆ กันหลังจากนั้นคือ ยอโควิชฟอร์มหลุดอยู่พักใหญ่ แม้สุดท้ายเขาจะกลับมาได้ทั้ง 2 ครั้งก็ตาม

การคว้าเหรียญทองโอลิมปิกจึงเป็นสิ่งที่ยอโควิชต้องการทำให้ได้อย่างไม่ต้องสงสัย และหากเขาทำสำเร็จ เขาจะกลายเป็นนักเทนนิสประเภทเดี่ยวคนที่ 5 ในประวัติศาสตร์ที่คว้า ‘แคเรียร์ โกลเดนสแลม’ ต่อจาก สเตฟฟี กราฟ, อังเดร อากัสซี, เซเรนา วิลเลียมส์ และราฟาเอล นาดาล

ไม่ใช่แค่นั้น หากเขาสม่ำเสมอมากพอ ยอโควิชมีโอกาสกลายเป็นนักเทนนิสคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ และเป็นนักเทนนิสชายคนแรกที่คว้า ‘โกลเดนสแลม’ ได้ในปีปฏิทินเดียว โดยนักเทนนิสคนเดียวในโลกที่ทำสิ่งนี้ได้สำเร็จคือ สเตฟฟี กราฟ ในปี 1988

เมื่อถูกถามเกี่ยวกับโอลิมปิกที่กำลังจะมาถึง ยอโควิชกล่าวว่า “มันเป็นหนึ่งในเป้าหมายสูงสุดในปีนี้อย่างแน่นอน

“มันจะเป็นตารางการแข่งขันที่แออัดมาก ไล่จากคอร์ตที่ช้าที่สุดไปยังคอร์ตที่เร็วที่สุดในเทนนิส ก่อนกลับไปในคอร์ตที่ช้าที่สุดอีกครั้ง ไล่ตั้งจากคอร์ตดิน (เฟรนช์โอเพน), คอร์ตหญ้า (วิมเบิลดัน), คอร์ตดิน (โอลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024) แล้วก็ฮาร์ดคอร์ต (ยูเอสโอเพน) ซึ่งแน่นอนว่านี่เป็นช่วงที่ท้าทายมาก และยากมากที่สุดของปี”

การพิชิต 4 แกรนด์สแลมในปีเดียว

ร็อด เลเวอร์ เป็นนักเทนนิสชายเพียงคนเดียวที่คว้า 4 แชมป์แกรนด์สแลมในปีเดียวกันได้สำเร็จ

ยอโควิชพยายามยกระดับตัวเองให้เหนือกว่าทั้ง โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ และ ราฟาเอล นาดาล เพื่อให้กลายเป็นนักเทนนิสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลอย่างชัดเจน และการได้ 4 แชมป์แกรนด์สแลมในปีเดียวนั้น จะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่าเขายอดเยี่ยมแค่ไหนได้ดีที่สุด

ในอดีต ร็อด เลเวอร์ ตำนานนักเทนนิสชาวออสเตรเลีย เป็นนักเทนนิสชายเพียงคนเดียวที่ทำสถิตินี้สำเร็จในปี 1969 หลังคว้าแชมป์ทั้ง ออสเตรเลียนโอเพน, เฟรนช์โอเพน, วิมเบิลดัน และยูเอสโอเพนได้ในปีเดียวกัน

ยอโควิชเองก็เฉียดไปเฉียดมาหลายครั้ง แต่น่าเสียดายที่เขายังทำไม่สำเร็จ

ที่ใกล้เคียงที่สุดคือในปี 2021 ที่เขาได้ทั้ง ออสเตรเลียนโอเพน, เฟรนช์โอเพน และวิมเบิลดันมาครองได้หมดแล้ว แต่ไปพลาดท่าต่อ ดานิล เมดเวเดฟ ในรอบชิงชนะเลิศยูเอสโอเพนอย่างน่าเสียดาย

นอกจากปี 2021 แล้ว ยอโควิชยังเคยคว้าแชมป์แกรนด์สแลมได้ 3 จาก 4 รายการในปีเดียวอีกถึง 3 หน ในปี 2011, 2015 และ 2023 แต่สุดท้ายเขายังทำสถิตินี้ไม่สำเร็จอยู่ดี ซึ่งเขาก็หวังว่ามันจะเกิดขึ้นในปี 2024

ยอโควิชกล่าวว่า “มันอาจดูไม่สมจริงหรือเป็นไปไม่ได้สำหรับบางคน มันอาจดูหยิ่งผยองสำหรับบางคน ผมก็ไม่แน่ใจ

“แต่เมื่อผมแข็งแรง เมื่อผมอยู่ในจุดสูงสุดของฟอร์มการเล่น ผมสามารถคว้าแชมป์แกรนด์สแลมหรือทัวร์นาเมนต์ใดก็ได้ ผมรู้เรื่องนั้นดี และผมไม่กลัวที่จะพูดแบบนั้น

“ความคิดนี้จะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงในปี 2024 หรือปีต่อๆ ไปที่ผมยังได้เล่นเทนนิส”

แซงหน้า จิมมี คอนเนอร์ส คว้าแชมป์เอทีพีมากที่สุดตลอดกาล

จิมมี คอนเนอร์ส แชมป์เอทีพีมากที่สุดตลอดกาล

นอกเหนือจากรายการระดับเมเจอร์แล้ว ยอโควิชยังประสบความสำเร็จในการแข่งขันเทนนิสมากมายในกีฬาเทนนิสอาชีพ

การคว้าแชมป์เอทีพีไฟนอลส์ในช่วงปลายฤดูกาลที่ผ่านมา ทำให้เขาได้แชมป์รายการนี้มากที่สุดเพียงผู้เดียวที่ 7 สมัย

อีกหนึ่งสถิติที่แสดงออกถึงความยอดเยี่ยมของเขา คือช่วงเวลาการครองตำแหน่งมือวางอันดับ 1 ของโลกอันยาวนาน และสถิติของเขาก็กำลังเข้าใกล้ตัวเลข 400 สัปดาห์แล้ว ซึ่งมากกว่านักเทนนิสคนใดก็ตามในหน้าประวัติศาสตร์

และอีก 1 สถิติที่สำคัญ คือการได้แชมป์เอทีพีทัวร์ โดยปัจจุบันเขาคว้าแชมป์ไปแล้ว 98 รายการ เป็นอันดับที่ 3 ตลอดกาล โดยผู้ครองสถิตินี้มากที่สุดคือ จิมมี คอนเนอร์ส ตำนานนักหวดชาวอเมริกัน ที่คว้าแชมป์ไปแล้ว 98 รายการ ระหว่างปี 1972-1989

เฟเดอเรอร์ครองอันดับที่ 2 หลังเลิกเล่นไปด้วยสถิติการคว้าแชมป์ 103 รายการ และทั้ง 2 ตัวเลขเป็นเป้าหมายที่อาจถูกยอโควิชล้มลงในปีนี้

ยอโควิชกล่าวว่า “ผมมีความทะเยอทะยานและเป้าหมายสูงสุดมาโดยตลอด นั่นจะไม่แตกต่างไปจากปีต่อๆ ไป ตราบเท่าที่ผมยังเล่นเทนนิสอยู่

“แรงผลักดันยังคงอยู่ ร่างกายของผมรับใช้ผมอย่างดี แถมผมยังมีทีมงานที่ยอดเยี่ยมอยู่รอบตัวผม

“แรงจูงใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับทัวร์นาเมนต์กีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดยังคงมีอยู่ มันยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้ผมก้าวต่อไป”

มาถึงตรงนี้ก็คงได้แต่เฝ้ามองดูว่า ปีนี้ยอโควิชจะเขย่าโลกเทนนิสได้ขนาดไหนกัน?

อ้างอิง: