วันนี้ (31 ธันวาคม) พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามคำสั่งมอบหมายให้ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีในส่วนของกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเดิม สมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ได้ดูแลในส่วนนี้อยู่ว่า ทั้งสมศักดิ์และพีระพันธ์ุเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งจากที่ตนได้คุยกับสมศักดิ์ ทราบว่าภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีงานในมือจำนวนมาก ขณะที่ตัวสมศักดิ์เองก็มีงานมากขึ้น และพีระพันธ์ุเคยผ่านงานส่วนนี้มาก็น่าจะเข้าใจ
ในส่วนของนโยบายกระทรวงยุติธรรมก็ยึดตามนโยบายของรัฐบาลคือ จะต้องทำงานปกป้องคุ้มครองประชาชนให้ปลอดภัยจากปัญหาอาชญากรรม และได้รับการคุ้มครองเรื่องสิทธิเสรีภาพ รวมทั้งมิติทางความคิด แทนที่จะให้ประชาชนเข้าหาความยุติธรรม ความยุติธรรมต้องเข้าหาประชาชน และยกระดับนิติธรรมให้เข้มแข็ง เป็นที่ยอมรับของนานาชาติ
ยันไม่หนักใจเรื่อง ‘ทักษิณ’ เป็นเผือกร้อน
ส่วนที่ถูกมองว่าการปรับเปลี่ยนตำแหน่งในครั้งนี้ อาจเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อทักษิณ ชินวัตร และเป็นการปูทางให้ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับประเทศไทย พ.ต.อ. ทวีระบุว่า พีระพันธ์ุคงไม่ทำอะไรที่นอกเหนือกฎหมาย เช่นเดียวกับกระทรวงยุติธรรมที่ต้องทำทุกอย่างตามกฎหมาย โดยจะเห็นว่า พ.ร.บ. ราชทัณฑ์ที่ออกเมื่อปี 2560 ก็ไม่ใช่ พ.ร.บ.ที่รัฐบาลนี้ตั้งขึ้นมา และหมายเหตุท้าย พ.ร.บ.ก็เขียนไว้ชัดเจนว่า กฎหมายเดิมขัดต่อหลักสากล โดยเฉพาะการไม่สามารถดำเนินการตามพฤตินิสัย เพราะไม่มีที่ควบคุมหรือที่คุมขังอื่น จึงมีเฉพาะเรือนจำ จึงมีการเขียนกฎหมายนี้ให้มีมาตรา 33 และ 34 การไม่ปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของกฎหมายถือว่าไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม จึงมีการออกกฎกระทรวง กฎระเบียบ และออกประกาศ ซึ่งไม่ได้ออกเพื่อคนใดคนหนึ่ง พีระพันธ์ุจะทำนอกกฎเกณฑ์นี้ก็คงเป็นไปไม่ได้
เมื่อถามว่ากรณีของทักษิณ หากคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ก็จะถือเป็นการปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของกฎหมายใช่หรือไม่ พ.ต.อ. ทวีระบุว่า ระเบียบและกฎเกณฑ์ต่างๆ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยประกอบถ้าเป็นคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาอาจไม่ต้องเข้าไปควบคุมตัวในเรือนจำ หรือใช้สถานที่อื่น ซึ่งกระบวนการนี้มีคณะกรรมการจากหลายฝ่ายร่วมกันพิจารณา ส่วนกรณีที่มีเสียงคัดค้านจากหลายฝ่าย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมบอกว่าเรื่องนี้ก็ต้องรับฟัง บ้านเมืองเราเป็นประชาธิปไตย แต่ก็ต้องยึดตามกฎหมาย และไม่ได้ทำเพื่อคนใดคนหนึ่ง
แพทย์ยืนยันว่า ‘ทักษิณ’ ป่วยจริง
ส่วนอาการของทักษิณในปัจจุบันนั้น อธิบดีกรมราชทัณฑ์ยังไม่ได้ส่งความเห็นล่าสุดมาให้ ซึ่งกรณีที่ไปรักษาตัวนอกเรือนจำเกิน 120 วัน ต้องขอความเห็นชอบจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์ โดยมีความเห็นชอบของแพทย์ผู้ตรวจ และหลักฐานอื่นประกอบ ซึ่งในทางกฎหมายไม่ได้กำหนดว่าจะเกินได้มากน้อยแค่ไหน แต่โดยส่วนตัวมองว่าไม่ควรเกิน 1 สัปดาห์ พร้อมเปิดเผยว่าตนเองไม่เคยขึ้นไปเยี่ยมทักษิณ แต่ในวันที่เข้าไปตอบกระทู้สดที่สภา มีโอกาสได้พบกับแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งแพทย์ยืนยันว่าทักษิณป่วยจริง
ส่วนกรณีที่ กมธ.การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร จะเดินทางไปดูงานที่โรงพยาบาลตำรวจในวันที่ 12 มกราคม 2567 นั้น พ.ต.อ. ทวีระบุว่า ในส่วนของราชทัณฑ์เปิดกว้างอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ก็มีหลายคณะเข้าไปดูงาน ซึ่งเป็นสิทธิของราชทัณฑ์ และตนได้ให้นโยบายว่าต่อไปนี้ควรจะเปิดเรือนจำให้คนที่มีความสงสัยเข้าไปดูได้ แต่ก็ต้องมีหลักเกณฑ์
เผยต้นเดือนธันวาคมผู้ตรวจการแผ่นดินก็เข้าไปแล้ว
เมื่อถามว่ากรรมาธิการจะสามารถขึ้นไปชั้น 14 ได้หรือไม่ พ.ต.อ. ทวีระบุว่า ระบบการเยี่ยมมีอยู่แล้ว ส่วนก่อนหน้านี้ที่สมศักดิ์ระบุว่าไม่สามารถขึ้นไปเยี่ยมได้นั้น ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ผู้ตรวจการแผ่นดินก็ขึ้นไปชั้น 14 มาแล้ว เนื่องจากมีคนร้องเรียน สามารถทำได้ตามอำนาจขององค์กรอิสระ ซึ่งตนทราบเรื่องนี้จากรายงาน
ทั้งนี้ พ.ต.อ. ทวียืนยันว่าไม่หนักใจที่ถูกจับตาในเรื่องของทักษิณมาโดยตลอด พร้อมระบุว่าคนที่ไม่เชื่อก็จะไม่เชื่อ วันนี้ต้องก้าวผ่านความอคติ ตนก็เปิดกว้าง และต้องทำงานสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ซึ่งหลังปีใหม่ก็จะมีงานสำคัญเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลที่จะถูกดำเนินการ รวมถึงเรื่องยาเสพติด