สำนักข่าว KCNA ของรัฐบาลเกาหลีเหนือ เปิดเผยว่า กองทัพได้ทำการทดสอบโดรนโจมตีใต้น้ำรุ่นใหม่ที่สามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ได้ ซึ่งมีศักยภาพในการสร้างคลื่นสึนามิกัมมันตภาพรังสี (Radioactive Tsunami) ขณะที่กล่าวโจมตีว่า การซ้อมรบร่วมของเกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกาทำให้ความตึงเครียดในภูมิภาคทวีความรุนแรงขึ้น
ในระหว่างการทดสอบดังกล่าว โดรนพิฆาตใต้น้ำของเกาหลีเหนือลงไปปฏิบัติการที่ระดับความลึก 80-150 เมตรเป็นเวลากว่า 59 ชั่วโมง และมีการทดลองโจมตีในน่านน้ำนอกชายฝั่งตะวันออกเมื่อวานนี้ (23 มีนาคม)
รายงานจากสำนักข่าว KCNA ระบุว่า โดรนรุ่นใหม่นี้มีชื่อว่า ‘แฮอิล’ (Haeil) หรือ ‘สึนามิ’ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ลอบโจมตีน่านน้ำของศัตรู และเข้าทำลายกลุ่มกองเรือรบหรือท่าเรือปฏิบัติการหลัก โดยโดรนจะปล่อยคลื่นกัมมันตภาพรังสีขนาดใหญ่ที่เกิดจากการระเบิดใต้น้ำ
ทั้งนี้ ยังไม่แน่ชัดว่าเกาหลีเหนือได้มีการพัฒนาหัวรบนิวเคลียร์ที่มีขนาดเล็กกว่าปกติเพื่อใช้ในอาวุธขนาดเล็กเช่นนี้แล้วหรือไม่ ขณะที่นักวิเคราะห์ระบุว่า มีแนวโน้มที่การปรับปรุงหัวรบนิวเคลียร์ขนาดเล็กอาจเป็นเป้าหมายหลัก หากเกาหลีเหนือกลับมาทำการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์อีกครั้งหนึ่ง
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังเมื่อวันพุธ (22 มีนาคม) เกาหลีเหนือรัวยิงจรวดร่อนหลายลูกไปทางทะเลตะวันออก ในภารกิจฝึกซ้อมโจมตีด้วยนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธี โดยจรวดกลุ่มดังกล่าวมีการติด ‘หัวรบทดสอบ’ ด้วย และบินได้ไกลราว 1,500-1,800 กิโลเมตร ซึ่งเกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันก่อนที่เกาหลีใต้และสหรัฐฯ จะปิดฉากการซ้อมรบภายใต้รหัส Freedom Shield 23 ซึ่งเป็นการซ้อมรบที่มีสเกลใหญ่สุดในรอบหลายปี
ภาพ: Kim Jae-Hwan / SOPA Images / LightRocket via Getty Images
อ้างอิง: