สื่อของทางการเกาหลีเหนือรายงานว่า เกาหลีเหนือตัดสินใจใช้มาตรการป้องปรามสงคราม ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเตือนก่อนที่โซลและวอชิงตันจะเริ่มเปิดฉากซ้อมรบร่วมครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 5 ปี
การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นในการประชุมคณะกรรมาธิการการทหารของพรรคแรงงานเกาหลี ซึ่งมีผู้นำคิมจองอึน เป็นประธานการประชุม ตามรายงานของสำนักข่าวกลางเกาหลี (KCNA) ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (12 มีนาคม)
“ที่ประชุมได้หารือและลงมติรับมาตรการปฏิบัติที่สำคัญสำหรับการป้องปรามสงครามอย่างมีประสิทธิภาพ ทรงพลัง และรุกมากขึ้น” KCNA กล่าว
รายงานระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อ “รับมือกับสถานการณ์ปัจจุบันที่การยั่วยุของสหรัฐฯ และเกาหลีใต้กำลังจะล้ำเส้น” แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการ
เกาหลีใต้และสหรัฐฯ มีกำหนดเริ่มการฝึกซ้อมรบร่วมภายใต้รหัส ‘Freedom Shield’ ในวันจันทร์นี้ (13 มีนาคม) โดยจะมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงที่เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากการรุกรานที่ทวีคูณขึ้นของเกาหลีเหนือ
การซ้อมรบดังกล่าวสร้างความโกรธให้กับเกาหลีเหนือ ซึ่งมองว่าเป็นการซ้อมรบเพื่อเตรียมรุกราน พร้อมระบุว่าโครงการขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์ของโสมแดงนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันตนเอง
นักวิเคราะห์ระบุว่า เกาหลีเหนือมักใช้การซ้อมรบเป็นข้ออ้างในการดำเนินการที่ยั่วยุมากขึ้น ซึ่งรวมถึงการทดสอบขีปนาวุธและอาจถึงขั้นทดสอบนิวเคลียร์
เมื่อวันศุกร์ KCNA รายงานว่า คิมสั่งให้ทหารของเกาหลีเหนือยกระดับการซ้อมรบสำหรับการทำสงครามจริง โดยในระหว่างการตรวจการณ์การซ้อมจู่โจม คิมบอกให้ทหารเตรียมพร้อมสำหรับภารกิจทางยุทธศาสตร์สองภารกิจ นั่นคือ ภารกิจแรกเพื่อยับยั้งสงคราม และภารกิจที่สองเพื่อริเริ่มสงคราม
ทั้งนี้ วอชิงตันและโซลยกระดับความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศ ท่ามกลางภัยคุกคามทางทหารและนิวเคลียร์ที่เพิ่มขึ้นจากเกาหลีเหนือ ซึ่งที่ผ่านมามีการยั่วยุมากขึ้นด้วยการทดสอบขีปนาวุธหลายครั้งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
ภาพ: API / Gamma-Rapho via Getty Images
อ้างอิง: