วันนี้ (24 พฤษภาคม) ที่พรรคก้าวไกล รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่มีการแชร์ข้อมูลว่า หากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล จะเปิดประเทศให้สหรัฐอเมริกามาตั้งฐานทัพในไทย
รังสิมันต์ยืนยันว่า เป็นเฟกนิวส์ที่ไกลจากความเป็นจริงมาก ตอนแรกตนเองไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นประเด็นที่พูดถึงกันอย่างจริงจัง คิดเพียงว่าเป็นการส่งต่อข้อมูลกันทางไลน์ แต่เมื่อมีการส่งต่อกันมากขึ้น จนบางท่านที่มีตำแหน่งระดับสูงในบ้านเมืองยังพูดถึงเรื่องนี้ ทำให้ตนเองเริ่มกังวลถึงเหตุผลว่าทำไมจึงมีคนเชื่อ
ดังนั้นขอยืนยันว่า หากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล จะไม่เปิดให้ประเทศใดก็ตามเข้ามาตั้งฐานทัพในไทยอย่างแน่นอน โดยเรายืนยันในการเป็นประเทศที่เป็นอธิปไตยของตัวเอง และอยากเป็นรัฐบาลของประเทศที่เป็นอธิปไตย เพื่อผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและแก้ไขนโยบายต่างๆ ให้เป็นไปตามที่ควรจะเป็น
ดังนั้นการจะเปิดให้มาตั้งฐานทัพเพื่อให้ประเทศใดประเทศหนึ่งมาแทรกแซง ไม่มีทางเกิดขึ้นในรัฐบาลของพรรคก้าวไกลแน่นอน
รังสิมันต์กล่าวต่อไปว่า ขออย่าเชื่ออะไรที่ไม่มีข้อเท็จจริงและไม่มีหลักฐาน เพราะทุกวันนี้ข้อมูลเยอะ อยากให้คนที่รับสารฟังหูไว้หู อย่าเชื่อทุกอย่างที่ส่งต่อกันในไลน์ เพราะบางครั้งการส่งต่อก็มีเจตนาทำให้รู้สึกไม่ดีกับบางคนหรือบางพรรค และบางครั้งก็เป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง
ซึ่งในช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงแบบนี้จะต้องพูดกันด้วยข้อมูลและเอาข้อเท็จจริงมาคุยกัน การส่งต่อลักษณะนี้ไม่เกิดประโยชน์ และอาจทำให้คนที่ไม่ได้กรองข่าวดีๆ เชื่อ ซึ่งก็ปรากฏให้เห็นแล้วว่าไม่ว่าจะอยู่ตำแหน่งอะไรหรืออายุเท่าไร ก็มีสิทธิ์ตกเป็นเหยื่อของเฟกนิวส์
รังสิมันต์กล่าวด้วยว่า อยากขอร้องไปยังคนที่ส่งต่อข้อมูลเหล่านี้ว่า การส่งต่อข้อมูลลักษณะนี้ไม่เกิดประโยชน์อะไร เพราะไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริง อยากให้ข้อมูลที่เป็นจริงดีกว่า แม้จะเป็นความคิดเห็นก็ยังดีกว่าการสร้างข่าวปลอม พร้อมยืนยันว่า พรรคไม่คิดดำเนินคดีกับประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อของข่าวปลอม แต่ต้องตรวจสอบว่าข้อมูลดังกล่าวมาจากไหน เพราะกังวลว่าจะเป็น IO หรือไม่ เนื่องจากพรรคก้าวไกลก็เคยเปิดเผยว่ามีปฏิบัติการ IO ที่ใส่ร้ายป้ายสีพรรคก้าวไกล
“ก่อนหน้านี้ยอมรับตรงๆ ว่าเราไม่คิดว่าการตั้งฐานทัพจะเป็นประเด็น เพราะเป็นข้อกล่าวหาที่โบราณมาก เป็นข้อกล่าวหาที่ไม่รู้จะมองจากอะไร เราไม่เคยไปคุยเรื่องความมั่นคงด้านการทหารกับประเทศไหนด้วยซ้ำ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ การศึกษา และการค้า” รังสิมันต์กล่าว
ส่วนหลังจากนี้จะต้องมีการปรับแนวทางการสื่อสารอย่างไรหรือไม่ รังสิมันต์ระบุว่า คงต้องปรับตลอดเวลา เพราะประชาชนคาดหวังต่อเราสูง และช่วงที่ยังไม่มีการเลือกนายกรัฐมนตรีก็คงมีการสร้างเรื่องราวต่างๆ ให้คนเข้าใจผิด ซึ่งสุดท้ายก็มองว่าเป็นเรื่องของจุดประสงค์ทางการเมือง เพราะอาจทำให้แรงที่สนับสนุนพรรคก้าวไกลเสื่อมลงมาและไม่สนับสนุนพรรคก้าวไกล
“ดังนั้นเมื่อโดนโจมตีก็จะต้องสร้างความเข้าใจ และพรรคก้าวไกลจะเป็นรัฐบาลที่แม้กระทั่งคนที่ไม่ชอบเรา เราก็จะเป็นรัฐบาลให้กับเขา และคนที่รักเรา เราก็จะเป็นรัฐบาลให้กับเขา เราจะเป็นรัฐบาลให้กับทุกคน และจะต้องทำให้ได้” รังสิมันต์กล่าวทิ้งท้าย