วันนี้ (29 มกราคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่นิด้าโพลเผยผลสำรวจความเห็นประชาชนว่า ไม่โกรธเลยถ้าจะยกเลิกนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่า “โพลก็มีหลายๆ อย่าง ทั่วถึงหรือไม่ ถามคนที่จังหวัดหนองบัวลำภูหรือเปล่า บึงกาฬหรือเปล่า เพราะอย่างนั้นต้องดูนิดหนึ่งแล้วกัน”
เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ประชาชนต้องการใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีระบุว่า “ไม่มีใครบอกว่าไม่ต้องการเลย”
ภูมิธรรมพร้อมรับฟังทุกความเห็น
ด้าน ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้มีความเห็นที่แตกต่างหลากหลาย รัฐบาลยินดีที่จะรับฟัง ซึ่งผลโพลก็เป็นอีกหนึ่งความคิดเห็น โดยเวลานี้สิ่งที่สำคัญที่สุด รัฐบาลจะรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย ย้ำว่าอยากให้ดูจากเจตนารมณ์ของโครงการนั้น ซึ่งรัฐบาลได้นำเสนอขณะหาเสียงต่อประชาชน ซึ่งจะเป็นวิธีการสำคัญที่รัฐบาลจะใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ หัวใจสำคัญคือนโยบายนี้รัฐบาลได้แถลงต่อที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งถือเป็นสัญญาผูกพัน ที่แจ้งต่อตัวแทนของประชาชน และเป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการ
ภูมิธรรมระบุว่า หน่วยงานราชการมีหน้าที่สนองต่อนโยบายของรัฐบาล และสิ่งที่สำคัญผู้นำของหน่วยงานมีหน้าที่ที่ต้องดำเนินการ หากไม่ดำเนินการก็มีหน้าที่ต้องกลับไปทบทวนพิจารณานโยบายต่างๆ ดำเนินการไปได้หรือไม่อย่างไร ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเจตจำนงของสภาที่ถือเป็นตัวแทนของประชาชน
ส่วนแนวโน้มจะกลับมาเป็นการออกมาเป็น พ.ร.ก.กู้เงิน เนื่องจากใช้เหตุผลความจำเป็นเร่งด่วนและเศรษฐกิจเกิดวิกฤต ภูมิธรรมระบุว่า หากรับฟังจากข้อมูลต่างๆ ต้องนำข้อมูลทั้งสองด้านมาพิจารณาอย่างรอบด้านเพื่อหาวิธีการที่ดีที่สุด แต่ขณะนี้ยังสรุปไม่ได้ว่าจะใช้ พ.ร.บ. หรือ พ.ร.ก. หรืออะไร ทุกอย่างเป็นวิธีการที่จะไปได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและเงื่อนไขต่างๆ
ไม่มีการกระตุ้นเศรษฐกิจ เศรษฐกิจจะคล้ายกับปี 2540
ส่วนที่ภูมิธรรมโพสต์ผ่าน x ว่า หากไม่มีการกระตุ้นเศรษฐกิจ เศรษฐกิจจะคล้ายกับปี 2540 ภูมิธรรมกล่าวว่า มีนักวิชาการทางด้านเศรษฐศาสตร์กลุ่มหนึ่งมองว่า จากการดูชีพจรทางเศรษฐกิจและตัวเลขที่ผ่านมา อาการขณะนี้คล้ายกับวิกฤตปี 2540 แต่นักวิชาการบางคนก็มองว่าไม่วิกฤตเลยก็มี แต่ตนอยากบอกว่าเวลานี้สิ่งที่รัฐบาลทำ รัฐบาลพยายามคิดอะไรออกไปให้ไกลขึ้น โดยอิงข้อมูลทางวิชาการและความคิดเห็นของประชาชน โดยยึดหลักว่าหากยังคิดอะไรแบบเดิม ชีวิตก็จะเป็นแบบเดิม ที่ผ่านมาไม่ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยหรือส่วนที่เกี่ยวข้อง ก็คิดในแนวทางที่มีการวิพากษ์วิจารณ์มา ซึ่งก็มาถึงจุดนี้ที่ประเทศหยุดการเดินหน้ามากกว่า 10 ปี ทำให้เป็นชีวิตที่ต้องดิ้นรนตะเกียกตะกาย หากคิดแบบเดิมก็จะได้แบบเดิม หากคิดแบบใหม่และพยายามทำให้รอบคอบก็จะได้อะไรใหม่ๆ
ส่วนจะมีการนัดประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Walle เมื่อใด ภูมิธรรมกล่าวว่า จะนัดประชุมโดยเร็วที่สุด ขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแค่มาประชุมในวงแล้วจบ ส่วนจะต้องรอความเห็นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นเพียงข้อคิดเห็นซึ่งตนมองว่าเป็นเพียงจินตนาการว่าหากเป็นอย่างนี้จะมีปัญหาอย่างนั้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นความคิดเห็นที่ดี เป็นข้อเตือนใจ เป็นเพียงข้อสังวรไม่ใช่ข้อปฏิบัติ
โพลชี้ประชาชนมองเศรษฐกิจวิกฤต
วานนี้ (28 มกราคม) ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง วิกฤตเศรษฐกิจกับการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต สำรวจระหว่างวันที่ 22-24 มกราคม 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง
พบร้อยละ 63.51 ระบุว่า เผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจในระดับที่ต้องหาทางแก้ไขอย่างเร่งด่วน ร้อยละ 20.15 ระบุว่า เผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจในระดับที่ต้องหาทางแก้ไข แต่ไม่เร่งด่วน
สำหรับการเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจของประชาชนในขณะนี้ พบว่า ร้อยละ 36.72 ระบุว่า เผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจในระดับที่ต้องการความช่วยเหลือจากรัฐบาลอย่างเร่งด่วน ขณะที่ร้อยละ 31.91 ระบุว่า เผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจในระดับที่สามารถรับมือได้ด้วยตนเอง
หยุดทำดิจิทัลวอลเล็ตประชาชนไม่โกรธ
ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อการดำเนินนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท พบว่า ร้อยละ 34.66 ระบุว่า ควรหยุดการดำเนินการนโยบายนี้ได้แล้ว ร้อยละ 33.66 ระบุว่า ดำเนินนโยบายต่อไปในปีนี้ตามที่ได้ประกาศไว้
เมื่อถามถึงความรู้สึกของประชาชน หาก เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตัดสินใจยกเลิกนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท พบว่า ร้อยละ 68.85 ระบุว่า ไม่โกรธเลย ร้อยละ 12.37 ระบุว่า ค่อนข้างโกรธ