×

พริษฐ์ขอบคุณภูมิใจไทย ชวนฝ่ายค้านร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจ ม.151 ผ่านสื่อ แต่ต้องรอดูจังหวะที่เหมาะสม

โดย THE STANDARD TEAM
25.06.2025
  • LOADING...
พริษฐ์ วัชรสินธุ ให้สัมภาษณ์สื่อเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 ที่รัฐสภา

วันนี้ (25 มิถุนายน) ที่อาคารรัฐสภา พริษฐ์ วัชรสินธุ สส. แบบบัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคประชาชน ภายหลังพรรคภูมิใจไทย ประกาศจะยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 เมื่อมีการเปิดสมัยประชุมสภา 

 

พริษฐ์ระบุว่า ต้องขอบคุณพรรคร่วมฝ่ายค้านน้องใหม่อย่างพรรคภูมิใจไทย ที่ใช้วิธีการเชิญชวนพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่นผ่านสื่อมวลชน ตามที่พรรคภูมิใจไทยมีข้อเสนอขึ้นมา ในมุมของพรรคประชาชน วางไว้ 3 หลักการ ดังนี้ 

 

  1. ในฐานะแกนนำพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่เป็นฝ่ายค้านมาอย่างต่อเนื่องตลอดสภาชุดนี้ เรายืนยันอยู่แล้วว่า เราจะใช้ทุกกลไกของสภา ในการตรวจสอบรัฐบาล และปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน เพื่อแก้ปัญหาให้กับประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกลไกของมาตรา 151 การอภิปรายทั่วไป มาตรา 152 หรือกลไกการอภิปรายร่วมกันของรัฐสภาตาม มาตรา 155 รวมถึงกลไกที่เราเห็นกันทุกสัปดาห์ ทั้งการตั้งกระทู้ถามสด และกลไกกรรมาธิการ 

 

ดังนั้นสิ่งที่เราต้องยืนยันคือ ท่ามกลางสภาวะที่ประชาชนจำนวนไม่น้อยเริ่มสูญเสียความไว้วางใจต่อรัฐบาลมากขึ้น เราพร้อมเป็นตัวแทนในการตรวจสอบรัฐบาล และแก้ปัญหาให้กับประเทศผ่านทุกกลไกของสภา จึงขอยืนยันว่ากลไก มาตรา 151 เป็นอาวุธที่จะมาแน่นอน 

 

  1. มาตรา 151 เป็นอาวุธที่ทรงพลัง และเป็นอาวุธที่ต้องใช้อย่างแม่นยำ เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญแล้ว มาตรา 151 เป็นกลไกที่ใช้ได้เพียงหนึ่งครั้งต่อปีสมัยประชุม จึงยืนยันว่า แม้จะเป็นอาวุธที่ทรงพลัง แต่ก็เป็นอาวุธที่เราต้องใช้อย่างแม่นยำ

 

“ในอีกมุมหนึ่ง การใช้อาวุธนี้คิดว่าหากจะใช้ก็ต้องหวังผล ทั้งเรื่องการลงมติในสภา หรือการนำเสนอความไม่ชอบธรรมต่างๆ ของรัฐบาล แต่เราก็ไม่อยากให้การใช้อาวุธนี้เสียของ เพราะหากเลือกใช้อาวุธนี้ไป แล้วทำให้นายกรัฐมนตรีอาจพ้นจากตำแหน่ง ด้วยวิธีการใดๆ ก็ตาม จะกลายเป็นว่า เราไม่สามารถใช้อาวุธนี้ได้อีก ในขั้นที่อาจจะมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่เข้ามาก็ตาม”

 

นายพริษฐ์ ย้ำว่า ด้วยปัจจัยและข้อจำกัดเหล่านี้ เราก็จะมีการหารือกันถึงจังหวะเวลาที่เหมาะสมในการยื่น และจะมีการหารือร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยเช่นเดียวกัน เพื่อหาข้อสรุปย้ำว่า การให้เหตุผลของทางรัฐบาล ที่ระบุ มีการตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่ ต้องให้เวลาทำงานก่อน นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ฟังขึ้น เพราะนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันก็ทำงานมาอย่างต่อเนื่อง เป็นนายกรัฐมนตรีคนเดิม แม้ว่าหน้าตาของคณะรัฐมนตรีจะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ซึ่งก็เชื่อว่า รัฐมนตรีบางคนที่จะเข้ามาอยู่ใน ครม.ใหม่นี้ ก็เป็นคนที่ทำงานมาตั้งแต่ ครม.ชุดที่แล้ว 

 

อย่างน้อยที่สุด คงต้องรอดูก่อนว่า ครม.ที่จะมีการตั้งขึ้นใหม่นี้ จะประกอบไปด้วยรัฐมนตรีที่เป็นใครบ้าง ในกระทรวงใดบ้าง เราจะได้สรุปได้ถูกว่า นอกจากนายกรัฐมนตรีแล้ว จะมีการยื่นมาตรา 151 กับรัฐมนตรีคนไหนอีกบ้าง 

 

และ 3. ในระหว่างที่เราหารือกัน อยากจะสื่อสารไปถึงนายกรัฐมนตรีเหมือนกันว่า อยากให้ใช้เวลาช่วงนี้ ในการทบทวนการทำหน้าที่ของตนเอง เข้าใจว่าสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน มีหลายวิกฤติเข้ามา ดังนั้น การตัดสินใจของรัฐบาล ก็มีหลายเรื่องที่อาจจะถูกบ้างผิดบ้าง แต่เราในฐานะฝ่ายค้าน ก็พยายามจะเสนอแนะแนวทาง หากเราเห็นว่ารัฐบาลกำลังเดินไปในแนวทางที่ไม่ถูกต้อง 

 

อย่างไรก็ตาม พริษฐ์มองว่า คุณสมบัติที่สำคัญของผู้นำ คือเมื่อไรก็ตามที่เราตัดสินใจผิดพลาดไป เราก็ต้องรู้ตนเอง การที่นายกรัฐมนตรีออกมาให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา ในลักษณะที่ระบุว่า คลิปที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศ ก็สะท้อนให้เห็นว่า นายกรัฐมนตรียังไม่ได้ทบทวนอย่างจริงจังว่า ข้อผิดพลาดที่ตนเองได้ทำไปที่ผ่านมาเป็นอย่างไร 

 

“อยากให้นายกรัฐมนตรีทบทวนในการทำหน้าที่ของตัวเองจริงๆ ว่า พร้อมจะทำหน้าที่ของตัวเองต่อหรือไม่ พร้อมเป็นหัวเรือในการแก้ปัญหาที่รุมเร้าประเทศเราหรือไม่ หากทบทวนแล้วคิดว่า ตนเองไม่สามารถเรียกความไว้วางใจจากประชาชนกลับคืนมาได้ พรรคประชาชนก็ยังยืนยันเหมือนเดิมว่า ทางออกที่ดีที่สุดหากเป็นเช่นนั้น คือการยุบสภา คืนอำนาจให้กับประชาชน จึงอยากให้นายกฯ ใช้เวลาในการทบทวนตรงนี้ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เราได้ข้อสรุปว่า จะมีการยื่น มาตรา 151 ไปแล้ว ทางเลือกของนายกฯ ในการยุบสภา คืนอำนาจให้กับประชาชน จะไม่มีอีกต่อไป เพราะตามรัฐธรรมนูญแล้ว หากมีการยื่น มาตรา 151 แล้ว จะไม่สามารถยุบสภาได้” พริษฐ์กล่าว

 

ส่วนการเข้ามาร่วมเป็นฝ่ายค้านของพรรคภูมิใจไทย จะทำให้พรรคประชาชนต้องปรับตัวมากหรือไม่ เนื่องจากดูเหมือนจุดยืนจะไม่เข้ากัน พริษฐ์กล่าวว่า โดยระบบรัฐสภา พรรคที่ทำงานฝ่ายค้านร่วมกันนั้นเลือกไม่ได้อยู่แล้ว 

 

“ผมก็เคยเปรียบเปรยไว้ว่า เวลาเขาร่วมรัฐบาล เหมือนคนที่ตกลงเป็นแฟนกัน แต่พรรคฝ่ายค้าน คือคนโสดที่เหลืออยู่ร่วมกัน เลือกไม่ได้ ซึ่งตั้งแต่ที่มีสภาชุดนี้มา เราก็อยู่ในซีกฝ่ายค้านร่วมกับพรรคอื่นเต็มไปหมด บางพรรคตอนแรกเป็นฝ่ายค้าน พอมีโอกาสร่วมรัฐบาลก็ไปร่วมทันที บางพรรคอาจจะเคยอยู่ร่วมรัฐบาล ก็มีครึ่งหนึ่งมาเป็นฝ่ายค้าน” พริษฐ์กล่าว

 

อย่างไรก็ตาม พริษฐ์ย้ำว่า พรรคประชาชนก็ยังทำงานตามจุดยืนแนวทางของเรา อะไรที่ต้องมีความร่วมมือกันกับพรรคร่วมฝ่ายค้านในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ก็ทำงานโดยการให้เกียรติกันและกัน แต่ต้องรักษาจุดยืนและหลักการของตัวเอง

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising