วันนี้ (25 มีนาคม) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 26 (สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 2) วาระพิจารณาญัตติอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลวันที่ 2 ชัยมงคล ไชยรบ สส. สกลนคร พรรคพลังประชารัฐ ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า เป็นการสรุปการอภิปรายของพรรคพลังประชารัฐ
ชัยมงคลกล่าวถึงประเด็นบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐไทยกับรัฐบาลกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน (MOU 2544) เป็นมหากาพย์ตำนานตั้งแต่ปี 2511 จนถึงปี 2544 นับตั้งแต่ที่มีการโปรดเกล้าแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีจากครอบครัวชินวัตร ซึ่งครอบครัวของนายกรัฐมนตรี และอดีตผู้นำของกัมพูชานั้นมีความสนิทสนมกัน ขอให้ถอยจากเรื่องนี้ อย่าเอาผลประโยชน์และทรัพยากรของคนไทยทั้งประเทศไปแลกกับผลประโยชน์ส่วนตน
“ถ้าท่านยอมให้กัมพูชาเอาผลประโยชน์บนแผ่นดินไทย นั่นหมายความว่านายกรัฐมนตรีกำลังขายชาติ ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีของไทย ต้องมีหน้าที่ในการปกปักรักษาแผ่นดินไทยอันเป็นทรัพย์สมบัติที่บรรพชนไทยใช้เลือดเนื้อและชีวิตรักษาไว้กว่า 700 ปี แต่หากยังเดินตามคนในครอบครัวไว้ ให้มีการขุดทรัพยากรแล้วนำมาแบ่งผลประโยชน์กัน ก็ขอให้ไปฟังเพลงหนักแผ่นดิน อย่าให้เขาได้ตราหน้าว่า ลูกหลานคนไทยนั้นต้องขายทรัพย์แผ่นดินเพื่อเอาประโยชน์ส่วนตน”
ชัยมงคลกล่าวถึงประเด็นเรื่องสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ซึ่งอยู่กำลังศึกษา และเตรียมเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ซึ่งไม่ได้อยู่ใน 70 นโยบายของพรรคที่ไม่ได้มีการนำเสนอนโยบายดังกล่าวนี้กับประชาชน
นายกรัฐมนตรีเป็นคนไทยนับถือศาสนาพุทธ พุทธองค์ทรงสอนไว้ว่าการพนันนั้นเป็นอบายมุขเป็นสิ่งที่ไม่ดี เมื่อ 100 กว่าปีในหลวงรัชกาลที่ 5 ทรงเห็นภัยของการพนัน จนให้มีการยกเลิก เพื่อรักษาคนไทยไม่ให้หลงใหลไปกับการพนัน
แต่ในวันนี้นายกรัฐมนตรีกับคนในครอบครัวกับจะนำสิ่งไม่ดีเอามามอมเมาประชาชน แม้จะเป็นแค่ 10% แต่พื้นที่ดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นพื้นที่ของการทำลายชาติ ทำลายความเป็นมนุษย์ของคนไทย ทำให้ประชาชนอ่อนแอ สถานบันเทิงครบวงจรคือ ซื้อเสื้อคลุมปีศาจที่จะทำให้ประเทศหายนะ
“ท่านกำลังทำให้คนไทยหลงใหลในการพนัน ท่านเอาสมองส่วนไหนคิด การพนันไม่สามารถทำให้ประเทศไหนเจริญได้ บ่อนการพนันไม่ได้ตอบโจทย์ และไม่สามารถการันตีได้ว่าคนไทยจะมีอาชีพ สถานบันเทิงครบวงจรคือความวิบัติครบวงจร ขอให้หยุดเพื่อคนไทย อย่าทำลายชาติและทำลายคนไทย ให้การศึกษาดีกว่าสร้างบ่อนการพนัน”
ส่วนกรณีที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ ทุกคนต่างชาติว่าเส้นทางของอัลไพน์นั้นมีหลายคนที่ได้รับผลกรรมของตนเองติดคุกติดตะราง และได้มีข้อยุติอย่างชัดเจนแล้วทั้งข้อกฎหมายว่าเป็นของที่วัด ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ท่านนายกรัฐมนตรีขาดคุณสมบัติความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
“DNA ของนายกรัฐมนตรีนั้นไม่สามารถปฏิเสธได้มาจากคนในครอบครัวของท่าน หากไล่เลียงประวัติศาสตร์ทางการเมือง จะเห็นคนในตระกูลของท่าน เป็นผู้นำประเทศถึง 3 คน และท่านเป็นคนที่ 4 ซึ่งมี 2 คนเจอวิบากกรรมคดี ไม่ว่าจะพ้น ซุกหุ้น ปล่อยกู้ หรือจำนำข้าว”
ชัยมงคลกล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรียังจำวันที่เป็นแค่ตัวเองเป็นแค่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยได้หรือไม่ ท่านประกาศต่อหน้าคนทั้งประเทศว่า จะทำให้ประชาชนอยู่ดี กินดีมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี หากเป็นนายกรัฐมนตรี จะทำทันที ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทปริญญาตรี 25,000 บาท แต่ท้ายที่สุดกลับไม่ได้ทำอย่างที่พูด
“ชาวนาทุกข์ทรมานอยู่กับการทำนา ในน้ำมีปลาหมอคางดำ ในนามีหนี้ ในกระเป๋าเงินมีตั๋วจำนำ นี่หรือการอยู่ดีกินดีของท่านนายกรัฐมนตรี”
ชัยมงคลกล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีนั้นขาดวิสัยทัศน์โดยยอมให้คนอื่นครอบงำ ยอมไร้ซึ่งเสนาบดีที่อุดมการณ์เพื่อประชาชน เพื่อชาติ และเพื่อบ้านเมือง วันนี้เราเห็นกลไกของรัฐได้ทำลายอาชีพเกษตรกรอย่างย่อยยับ ที่ตนเองพูดมาทั้งหมดนั้นไม่ได้โกรธเคืองนายกรัฐมนตรี แต่ด้วยสถานะที่เป็นนักการเมืองเป็นตัวแทนของประชาชนจำเป็นต้องพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจว่าเราไม่ต้องการผู้นำที่เห็นประโยชน์ส่วนตนมากกว่าผลประโยชน์ของประเทศ
ในวันนี้พรรคพลังประชารัฐขอแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนเราไม่ไว้วางใจให้นายกรัฐมนตรีที่ชื่อ แพทองธาร ชินวัตร เพราะท่านไร้วุฒิภาวะในการนำประเทศ เป็นผลไม้ที่บ่มแก๊ส ชิงสุกก่อนห่าม ยังไม่เหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี อย่าเอาประเทศไทยเป็นโรงฝึกงาน ลาออกกลับไปฝึก 4-5 ปีแล้วค่อยกลับมาอีกครั้ง
ชัยมงคลกล่าวทิ้งท้ายถึงพรรคร่วมรัฐบาลด้วยว่า ได้สร้างความอับอาย เลือกไว้วางใจตั้งแต่ยังไม่มีการอภิปราย แทนที่จะสงวนท่าที รอฟังข้อเท็จจริงก่อน ไม่รู้ผิดรู้ถูก ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้มายืนข้างประชาชน ยืนข้างความถูกต้อง เพื่อหยุดความวิบัติของประเทศ หยุดความโลภ กลับใจและทำให้เห็นว่าความเป็นนักการเมืองมิได้อยู่ภายอาณัติของใคร