วันนี้ (24 มีนาคม) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 26 (สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 2) วาระพิจารณาญัตติอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลวันแรก
แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ลุกขึ้นชี้แจงต่อที่ประชุมสภาฯ เป็นครั้งที่ 2 ตอบคำถาม วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.พรรคประชาชน ที่กล่าวหานายกรัฐมนตรี มีพฤติกรรมหลีกเลี่ยง ‘ภาษีการรับให้’ โดยใช้ ‘ตั๋ว PN’ ซื้อหุ้นจากเครือญาติ
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมามีสมาชิกอภิปรายที่เข้าใจว่าตัวเองเป็น ‘จอมยุทธ์’ นั้น กำลังสำคัญผิดในข้อเท็จจริง มีการใช้สำนวนโวหารทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน และนำเรื่องภาษีที่เป็นคนละหมวดกันมาอธิบายให้คนเกิดความสับสน
ดังนั้น ขอยืนยันทั้งการปฏิบัติ และเจตนาที่ได้ดำเนินการทุกอย่างตรงไปตรงมา ถูกต้องตามกระบวนการ และกฎหมาย การที่จะกล่าวหาว่า นายกรัฐมนตรีคนนี้หนีภาษี ไม่ได้เป็นความจริง ทุกอย่างเป็นเรื่องตรงกัน แม้ความจริงตนจะอายุน้อยกว่าผู้อภิปราย แต่มั่นใจว่าเสียภาษีให้รัฐมากกว่าแน่นอน
ส่วนในเรื่องของบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สิน ขอชี้แจงให้เข้าใจตรงกันว่า การแสดงบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สินต่อ ป.ป.ช. ได้มีการยื่นบัญชีทรัพย์สินครบถ้วนตามขั้นตอนทุกอย่าง และขณะนี้ก็มีการยื่นคำร้องตรวจสอบความถูกต้อง และเรื่องที่ถูกร้อง ตามกระบวนการของ ป.ป.ช.โดยตนมีความยินดีอย่างยิ่ง และเต็มใจที่จะแสดงข้อมูลหลักฐานทุกอย่าง ที่ ป.ป.ช.ขอมา และพร้อมจะให้ความร่วมมือทุกประการจนกว่าจะได้ข้อสรุป
ส่วนเรื่องธุรกรรมก่อนการดำรงตำแหน่ง ทรัพย์สินกิจการของครอบครัว และของตน มีการถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้นตั้งแต่การปฏิวัติรัฐประหารวันที่ 19 กันยายน 2549 และไม่เคยมีตอนไหนไม่เข้มข้น ทุกบัญชี และทุกธุรกรรมอยู่ในสายตา และโปร่งใสมานาน และขอยืนยันว่า ที่ดินทุกแปลงทุกตารางวา ที่ตน และครอบครัวมีออกโฉนดโดยรัฐทั้งหมด ไม่มีการซื้อที่ดินที่ไม่มีโฉนด
ขณะที่การทำธุรการเรื่องหุ้น เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2559 ก่อนที่ตนจะเข้าสู่การเมืองหลายปี ซึ่งเป็นความตั้งใจในการปรับโครงสร้าง การถือหุ้นบริษัท โดยการซื้อขายผ่าน ตั๋วสัญญาซื้อเงิน หรือ PN ซึ่งเป็นหนังสือให้คำมั่นสัญญาว่า จะใช้เงินให้กับอีกบุคคลหนึ่งตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ ซึ่งหนังสือดังกล่าวได้ติดอากรแสตมป์ตามกฎหมายเรียบร้อย ซึ่งการซื้อขายแบบนี้บางรายการไม่มีการเสียภาษี เพราะยังไม่มีการชำระเงิน จึงยังไม่ทราบจำนวนและยังเสียภาษีไม่ได้
การซื้อขายแบบนี้จึงเป็นภาระหนี้สินระหว่างตนที่เป็นผู้ซื้อ และครอบครัวที่เป็นผู้ขาย ซึ่งมีความชัดเจน ไม่มีนิติกรรมอำพรางใดๆ เพราะหากจะเกิดการซื้อขายจริง ยอดหนี้ก็ต้องแสดงในบัญชีทรัพย์สินอยู่แล้ว ซึ่งตนก็ได้ยื่นกับ ป.ป.ช. ไปทั้งหมดแล้ว สามารถตอบได้ทุกอย่าง และเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องที่ทำกันมาเป็นปกติ ขอให้ถามสมาชิกในพรรคฝ่ายค้านเองก็ได้ว่า มีใครทำธุรกิจอะไรประมาณนี้หรือไม่ และมีการทำสัญญาใช้หนี้แบบนี้บ้างหรือไม่
ทั้งนี้ กรณีที่สมาชิกอ้างว่า เรื่องนี้จะเป็นแหล่งทุจริตข้าราชการผู้ใหญ่จะออกตัวสัญญาใช้เงิน ขบวนการใช้ยาเสพติดจะออกตั๋วให้กัน มองว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่จินตนาการมากเกินไปเยอะเหมือนกัน เพราะการออกตั๋วจะต้องทำธุรกรรมที่ถูกกฎหมาย ดำเนินการได้โดยเปิดเผย ฝ่ายผู้ซื้อและฝ่ายผู้ขายจะต้องรับภาระหนี้สินระหว่างกัน ไม่มีการกระทำนอกกฎหมายใดๆ ซึ่งการเลือกใช้วิธีออกตั๋ว PN แทนการรับให้ เพราะเป็นการดำเนินการธุรกิจอย่างเปิดเผย ไม่สามารถแอบทำได้
ส่วนเรื่องของการปรับโครงสร้างหุ้น จำเป็นต้องใช้การซื้อขาย แต่ ณ เวลานั้นตนเองยังไม่มีความพร้อมที่จะชำระค่าหุ้นด้วยเงินสด จึงทำสัญญาตั๋วสัญญาใช้หนี้แทน และมีการวางแผนที่จะชำระเงินแล้ว โดยรอบแรกจะชำระภายในปีหน้านี้ ซึ่งได้ตกลงกับครอบครัวแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร และหลักฐานการซื้อขายก็จะถูกปรากฏในบัญชีทรัพย์สินแน่นอน พร้อมย้ำว่า ทุกอย่างดำเนินการอย่างโปร่งใส เพราะไม่สามารถหลบเลี่ยง การจ่ายภาษีได้อยู่แล้ว
นายกรัฐมนตรียังชี้แจงถึงกรณีที่ที่ดินอัลไพน์ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดมาเป็นระยะเวลานานแล้ว ตอนที่บริษัทของครอบครัวซื้อที่ดินแปลงนี้ ตนเองอายุประมาณ 11 ขวบ และเป็นกรรมการบริษัท ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่า ท่านจะต้องอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตั้งแต่ช่วงเวลานั้นหรือไม่ พร้อมย้ำว่า การซื้อที่ดินของครอบครัวซื้อแบบมีโฉนดตลอด เพราะทราบอยู่แล้วว่า ต้องทำในสิ่งที่ถูกกฎหมาย
ทั้งนี้ หลังจากมีคดีความ ทุกขั้นตอนที่เกิดขึ้นเป็นไปตามกระบวนการ จนตนเองมาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ไม่เคยไปแทรกแซง หรือไปสั่งให้หน่วยงานใดให้ทำเรื่องนี้ให้เป็นไปแบบตามที่ต้องการ ซึ่งคิดว่า ท่านอาจจะยังไม่เข้าใจกระบวนการทำงานที่แท้จริง ซึ่งตนขอรับเรื่องนี้ไว้เพื่ออธิบายให้คนเข้าใจมากขึ้นในอนาคต โดยหลังจากนี้ขออนุญาตมอบให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยชี้แจงเพิ่มเติม
ส่วนที่ดินของเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ที่มีการพิพาทระหว่างกรมที่ดิน กับการรถไฟแห่งประเทศไทย และประชาชน ตนเองในฐานะนายกรัฐมนตรี จะกระชับเรื่องนี้ และให้ความเป็นธรรมกับพี่น้องประชาชน ให้ทุกอย่างดำเนินไปตามกฎหมาย พร้อมขอให้มั่นใจว่า ตนเองทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง ซึ่งทุกเรื่องต้องผ่านขั้นตอนตามระบบระเบียบ เพื่อป้องกันเกิดความวุ่นวายต่างๆ ตามมา
แพทองธารกล่าวทิ้งท้ายว่า ตนเองไม่อยากให้ใช้เรื่องเซนซิทีฟเหล่านี้ พูดจาให้เกิดความสับสน และเกิดความแตกแยกในสังคม เพราะเราเป็นคนรุ่นใหม่ ซึ่งก็พร้อมที่จะรับฟัง หากเห็นว่าใครมีผลงานที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน ก็ควรจะชื่นชมบ้าง จะได้เป็นกำลังใจในการทำงานด้วย เพราะอย่างน้อยก็เป็นคนไทยเหมือนกัน โดยเข้าใจว่า ทุกคนมีความหวังดีต่อประเทศไทยเช่นกัน เพราะฉะนั้นการพูดเพื่อให้เกิดความเกลียดชัง ความแตกแยก ตนคิดว่า “เราผู้มีวุฒิภาวะ ไม่ควรทำ”
ด้าน อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลุกขึ้นชี้แจงในฐานะที่ได้รับมอบหมายจากทางนายกรัฐมนตรีถึงกรณีที่ จุลพงศ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ที่มีการอภิปรายพาดพิงไปถึงที่ดินเขากระโดงและที่ดินอัลไพน์ว่า ผู้อภิปรายพยายามผูกโยง 2 เรื่องนี้ ว่ามีการเอื้อประโยชน์ระหว่างครอบครัวของนายกรัฐมนตรีและตนเองที่กำกับดูแลกระทรวงมหาดไทย
อนุทินได้ชี้แจงเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนต่อประชาชน ว่า รัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย ไม่ใช่กิจการของคนใดคนหนึ่ง หรือครอบครัวของใคร เพราะฉะนั้น จะมาแบ่งปันผลประโยชน์ใดๆ ไม่ได้ และขอยืนยันว่า นายกรัฐมนตรี ไม่เคยเข้ามาแทรกแซงหรือสั่งการใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อให้กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย หรือแม้แต่ตัวของผมเอง ให้ทำการเอื้อประโยชน์ต่อบริษัทอัลไพน์ฯ และบุคคลในครอบครัวของท่านแม้แต่ครั้งเดียว
กรณีการถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ เป็นปัญหายืดเยื้อมานานกว่า 20 ปี ผ่านมาหลายรัฐบาลแล้ว และมีคำพิพากษาของศาล ซึ่งมีบุคคลหลายท่านได้ต้องโทษคำพิพากษาของศาลนั้นไปแล้ว แต่ประเด็นในเรื่องของการเพิกถอนสิทธิ์ได้มายุติในรัฐบาลแพทองธาร ด้วยนโยบายของท่านที่ให้ดำเนินการตามกฎหมาย ยึดความถูกต้องเป็นหลักในการดำเนินงานอย่างเคร่งครัด
ขณะที่ได้ทำเรื่องนี้ ได้ถามอธิบดีกรมที่ดิน ว่าท่านรู้สึกกดดันอะไรหรือไม่ ในเรื่องสนามกอล์ฟอัลไพน์ และเขากระโดง โดยอธิบดีกรมที่ดิน ได้ยืนยันกับตนและคณะทำงานอย่างชัดเจนว่าไม่มีความกดดันใดๆ ทั้งสิ้น และยินดีที่จะปฏิบัติตามกฎหมาย ตามหน้าที่ทุกประการ
ดังนั้นแทนที่จะกล่าวหาว่านายกรัฐมนตรี ทำเพื่อประโยชน์ของท่านและบุคคลในครอบครัว ที่จริงๆ แล้ว ควรจะชื่นชมนายกรัฐมนตรี ที่ได้ให้นโยบายต่อกระทรวงมหาดไทย และกรมที่ดิน ผ่านตน ให้ยึดถือกฎหมายเป็นหลักและไม่ต้องคำนึงถึงผลกระทบใดๆ ที่จะไปถึงตัวท่านเองและครอบครัว และขณะนี้ได้มีการเพิกถอนเอกสารสนามกอล์ฟอัลไพน์ ที่ลงนามโดยปลัดกระทรวงมหาดไทย
ดังนั้นต้องถือว่าขณะนี้ตัวนายกรัฐมนตรีและครอบครัวของท่าน เป็นหนึ่งในผู้เสียหายเช่นเดียวกับผู้ที่เป็นลูกบ้านอัลไพน์รายอื่นๆ เรื่องท่านจะต้องไปใช้สิทธิ์ทางศาล เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับตนเอง รับค่าตอบแทนจากการทำนิติกรรม ที่เป็นการบกพร่องของกรมที่ดิน
ส่วนปัญหาที่ดินเขากระโดงก็เช่นกัน เป็นกรณีกรมที่ดิน ปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครอง ไปตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน ซึ่งคณะกรรมการมีมติเป็นเอกฉันท์ ไม่มีเหตุผลเพียงพอต่อการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดิน ตามที่การรถไฟฯ ได้ของต่อศาลปกครอง ขณะนี้การรถไฟฯ ก็ยังคงสิทธิ์ที่จะไปฟ้องศาลต่อ ให้ศาลมีคำสั่งว่าจะเพิกถอนหรือไม่เพิกถอน
แต่คำพิพากษาขณะนี้ ระบุไว้ว่า “การดำเนินการของคณะกรรมการสอบสวน ตามมาตรา 61 เมื่อดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว ศาลไม่สามารถก้าวล่วงได้” ซึ่งในคำพิพากษาของศาลยังเขียนไว้ว่าศาลยังก้าวล่วงไม่ได้ แล้วนับประสาอะไรที่นายกรัฐมนตรีหรือ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะไปสั่งการและก้าวล่วงให้เป็นอย่างอื่น
อนุทินกล่าวว่า ตนจึงขอสรุปว่าทั้งกรณีการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์สนามกอล์ฟอัลไพน์และกรณีที่ดินเขากระโดงนั้น ไม่มีความเกี่ยวข้องกันอย่างใด รวมถึงไม่มีการตกลงแลกประโยชน์กันแม้แต่เล็กน้อย โดยทั้ง 2 กรณี ทางกรมที่ดินต้องดำเนินการตามคำสั่งของศาลและเกิดขึ้นมาก่อนที่นายกรัฐมนตรี ที่ชื่อแพทองธาร ชินวัตร และตนเองในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจะเข้ามาดำรงตำแหน่ง
ดังนั้นข้อกล่าวหาจากการอภิปรายของสมาชิกที่พูดไปในช่วงเช้า ไม่มีข้อเท็จจริง และไม่มีมูลแต่ประการใด ในฐานะที่ตนเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ขออนุญาตชี้แจงและขอจบด้วยคำว่า “สู้ๆ แพทองธาร”