วันนี้ (12 มกราคม) ที่ศูนย์แถลงข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงข่าวประเด็นการตรวจวินิจฉัยการติดเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 ทางห้องปฏิบัติการ ว่าขณะนี้ประชาชนมีความกังวล อยากทราบว่าตนเองติดเชื้อหรือไม่ จึงหาซื้อชุดตรวจเร็วมาตรวจด้วยตนเอง ซึ่งไม่แนะนำให้ซื้อมาตรวจ เนื่องจากไม่ใช่การตรวจทั่วไปเพื่อดูว่ากำลังติดเชื้อหรือไม่ แต่เป็นการตรวจว่ามีภูมิคุ้มกันต่อโรคโควิด-19 อาจได้ผลบวกและผลลบลวง หากตรวจแล้วได้ผลเป็นลบ และเข้าใจว่าตัวเองไม่มีเชื้อจะเป็นอันตราย นำเชื้อไปแพร่ให้กับผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว
ทั้งนี้ ชุดตรวจเร็วจะต้องได้รับการอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งจำหน่ายได้เฉพาะสถานพยาบาล, โรงพยาบาลเฉพาะทาง, คลินิกเวชกรรม, คลินิกเฉพาะทางด้านเวชกรรม, คลินิกเทคนิคการแพทย์ หรือสหคลินิกที่จัดให้มีการประกอบวิชาชีพเวชกรรมหรือเทคนิคการแพทย์ ตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล ซึ่งการตรวจและการแปลผลต้องทำโดยบุคลากรทางการแพทย์เท่านั้น
“กระทรวงสาธารณสุขไม่อนุญาตให้ขายชุดตรวจเร็วในช่องทางออนไลน์ จำหน่ายได้ในสถานพยาบาล เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อ จะทำให้เสียเงิน หากป่วยจะเสียโอกาสในการรักษา หรืออาจแพร่เชื้อให้คนใกล้ชิดโดยไม่รู้ตัว หากพบเห็นการโฆษณาขาย ขอให้แจ้ง อย. หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่งทันที” นพ.ศุภกิจกล่าว
นพ.ศุภกิจกล่าวต่อว่า การตรวจหาเชื้อโควิด-19 ปัจจุบัน มีการตรวจอยู่ 2 วิธี คือ
- การตรวจหาเชื้อไวรัสหรือส่วนประกอบไวรัส ซึ่งประเทศไทยใช้การตรวจแบบ RT-PCR ที่เป็นวิธีมาตรฐานโลก โดยเก็บตัวอย่างได้ 2 วิธี คือจากการป้ายหลังโพรงจมูกหรือจากลำคอ ทราบผลการตรวจประมาณ 4-5 ชั่วโมง และเก็บน้ำลาย ประชาชนสามารถเก็บน้ำลายด้วยตัวเอง และส่งตรวจด้วยวิธี RT-PCR หาสารพันธุกรรมของไวรัสเช่นเดียวกัน ซึ่งมีข้อดีคือตรวจได้จำนวนมาก ใช้ระยะเวลาในการเก็บเชื้อรวดเร็ว และตรวจรวมเป็นกลุ่มได้ เมื่อพบผู้ติดเชื้อในกลุ่มจะทำการตรวจแยกรายบุคคล
- การตรวจหาแอนติบอดี หรือภูมิคุ้มกันในร่างกาย เป็นการตรวจหาภูมิคุ้มกันของร่างกายหลังการติดเชื้อ ซึ่งจะใช้การส่งตัวอย่างเลือดตรวจทางห้องปฏิบัติการ หรือใช้ชุดตรวจเร็ว Rapid Test ใช้สนับสนุนการวินิจฉัย การสำรวจทางระบาดวิทยา หรือศึกษาความชุกในชุมชน
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล