×

Nissan ตั้งเป้ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดให้มีสัดส่วน 50% ของยอดขายทั่วโลกภายในปี 2030

26.11.2021
  • LOADING...
Nissan

Nissan Motor ตั้งเป้าสัดส่วนยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดให้มีสัดส่วนเกินครึ่งจากยอดขายทั้งหมดทั่วโลกภายในปี 2030 พร้อมเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากกว่า 30% ใน 10 ปีข้างหน้านี้ โดย Nissan คาดการณ์ว่าจะมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าถึง 50% ในจีน และ 80% ในยุโรป ภายในสิ้นทศวรรษนี้ แม้ว่า Nissan จะเป็นผู้บุกเบิกด้านรถยนต์ EV แต่ยอดขายยังถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่มากเท่าไรนักเมื่อเทียบกับบริษัทคู่แข่งอย่าง Tesla 

 

ภาพรวมของสัดส่วนยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดทั่วโลกมีสัดส่วนเพียงแค่ 10% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดทั่วโลกในปีที่แล้ว ซึ่งยอดขายนั้นแบ่งเป็น 2% ในจีน และ 10% ในยุโรป โดย Nissan ตั้งเป้าที่จะเพิ่มยอดขายดังกล่าวในทั้งสองภูมิภาคนั้น เนื่องจากมีกฎหมายและนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มแข็งกว่าภูมิภาคอื่นๆ หลายภูมิภาค

 

ประเทศจีนถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดสำหรับ Nissan ซึ่งขายได้ 1.45 ล้านคันในปีทางบัญชี 2020 และในช่วงเวลาเดียวกัน Nissan ขายในยุโรปได้ 3.9 แสนคัน (คิดเป็น 26.8% ของที่ขายได้ในจีน) ซึ่งทั้งสองตลาดนี้รวมกันก็มีสัดส่วนเป็นครึ่งหนึ่งของยอดขายรถยนต์ทั่วโลกของ Nissan ไปแล้ว

 

Nissa อัปเกรดเปลี่ยนแปลงโรงงานแห่งเดียวของบริษัทในยุโรปให้เป็นโรงงานผลิตรถยนต์ EV และไฮบริดโดยเฉพาะ ซึ่งบริษัทได้ลงทุนไปแล้วกว่า 3 ล้านล้านเยน (8.7 แสนล้านบาท) ใน 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจะเพิ่มการลงทุนขึ้นอีกมากกว่า 30% ในช่วง 10 ปีข้างหน้า 

 

เงินลงทุนดังกล่าวจะถูกนำไปใช้กับการพัฒนาแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าและผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ซึ่ง Nissan จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่กว่า 10 รุ่นภายในปี 2026 หรืออีก 5 ปีข้างหน้า รวมถึงรุ่นใหม่ของรถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่เรารู้จักกันอย่าง NISSAN LEAF อีกด้วย

 

การที่ Nissan จะกดราคารถยนต์ไฟฟ้าของตัวเองลงมาให้อยู่ในระดับราคาเดียวกับรถยนต์น้ำมันแบบดั้งเดิมได้นั้น Nissan ต้องจับมือกับคู่แข่งอย่าง Renault และ Mitsubishi Motors เพื่อร่วมมือกันผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากต้นทุนของแบตเตอรี่คิดเป็น 30-40% ของต้นทุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดเลยทีเดียว

 

ถึงแม้ว่า Nissan ประกาศว่าจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ออกมาหลากหลายรุ่น แต่ Nissan ก็ยังเชื่อว่ารถยนต์น้ำมันแบบดั้งเดิมจะยังมีสัดส่วนยอดขายมากกว่าเป็นส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นและอเมริกาอยู่ดีในปี 2030

 

ทางด้านความเคลื่อนไหวของคู่แข่งอื่นๆ ในการพัฒนา EV อย่าง Toyota มีแผนลงทุน 1.5 ล้านล้านเยน (4.3 แสนล้านบาท) ในแบตเตอรี่ และตั้งเป้าที่จะขายรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิง 2 ล้านคันทั่วโลกในปี 2030 ส่วน Volkswagen จะลงทุน 35 พันล้านยูโร (1.3 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2025 เพื่อเพิ่มสัดส่วนยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกให้ได้ถึง 50% ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่มากกว่า Nissan ถึง 18% ภายในเวลาที่น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง นอกจากนั้น Daimler จากเยอรมนี, General Motors จากสหรัฐฯ และ Honda Motor จากญี่ปุ่น กำลังวางแผนที่จะเลิกขายรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป และจะยกเลิกแม้กระทั่งรถยนต์ไฮบริดอีกด้วย 

 

นอกจากนั้นคู่แข่งผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนมีความสามารถในการแข่งขันสูง ทั้งเทคโนโลยีของรถยนต์และแบตเตอรี่ รวมถึงยังตั้งราคาขายได้ต่ำกว่าผู้ผลิตรายอื่นๆ ได้ และยังมีฐานการผลิตและฐานลูกค้าทั้งในจีนและยุโรปมาสักพักใหญ่แล้ว 

 

Alix Partners บริษัทที่ปรึกษาของสหรัฐฯ ระบุว่า รถยนต์ไฟฟ้ามีสัดส่วนคิดเป็น 11% ของยอดขายรถยนต์ใหม่ทั่วโลกในปี 2020 ซึ่งจะเพิ่มเป็น 61% ในปี 2030 และคาดว่ายอดรถยนต์ไฟฟ้าในยุโรปจะคิดเป็น 90% ของยอดขายรถยนต์ใหม่ ส่วนในประเทศจีนและญี่ปุ่นจะเพิ่มเป็น 70% 

 

อ้างอิง: 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising