Nike เผยรายได้เริ่มฟื้นตัว แต่ตลาดจีนซึ่งเป็นแหล่งทำรายได้อันดับ 3 กลับลดลง หลังโควิดยืดเยื้อ-คนชะลอการจับจ่าย เร่งปรับกลยุทธ์เชิงรุก หาช่องทางใหม่ ล่าสุดเปิดร้าน ‘Jordan World of Flight Milan’ แห่งใหม่ในอิตาลี หวังเสริมประสบการณ์ช้อปแบบอินเตอร์แอ็กทีฟ
CNBC รายงานว่า ผลประกอบการของ Nike แบรนด์อุปกรณ์กีฬาสัญชาติอเมริกา สามารถเอาชนะความหวังของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทได้ ขณะที่อัตรากำไรลดลง เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น
สำหรับยอดขายไตรมาส 3 อยู่ที่ 5.4 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 16% ส่วนยอดขายช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น 25% ซึ่งมาจากอานิสงส์ของช่วงเทศกาลช้อปปิ้งอย่าง Black Friday
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- Nike แบรนด์ที่ทำรายได้จาก NFT มากที่สุดด้วยยอดขาย 6.7 พันล้านบาท สวนทางตลาดรวมที่มีการซื้อขายลดลง 40%
- ‘adidas’ ยุติร่วมงานกับ คานเย เวสต์ (Kanye West) มองเรื่องจริยธรรมเหนือรายได้ แม้กระทบยอดขายถึง 9.3 พันล้านบาท คาด Nike จะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้
- ไม่ต้องกลัวโดนลบแอ็กเคานต์อีกแล้ว คานเย่ เวสต์ เข้าซื้อ Parler โซเชียลมีเดียที่อ้างว่า ‘เป็นสวรรค์สำหรับเสรีทางการพูด’
รวมๆ แล้วทั้งปี Nike มีรายได้กว่า 1.332 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 17% ถ้าเทียบกับปีก่อนหน้าที่ทำรายได้อยู่ที่ 1.136 หมื่นล้านดอลลาร์
ขณะที่กำไรงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 พฤศจิกายน อยู่ที่ 1.33 พันล้านดอลลาร์ และช่วงวันพุธที่ผ่านมา หุ้นของ Nike เพิ่มขึ้นมากกว่า 10%
Matt Friend ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ Nike กล่าวว่า ที่ผ่านมาช่วงต้นปี รายได้ค่อนข้างทรงตัว แต่ปัจจุบันเริ่มเห็นรายได้กลับมาเติบโตขึ้น แต่ขณะเดียวกันต้องให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการสินค้าคงคลังที่ยังอยู่ในระดับสูง เนื่องจากการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน ความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น แต่ยังมีอุปสรรคในการขนส่งที่คาดการณ์ไม่ได้
โดยไตรมาส 3 สินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้น 43% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แน่นอนว่าปริมาณสินค้าที่มากเกินไป มีการนำไปสู่การจัดโปรโมชัน ลดราคาอย่างหนัก ซึ่งจะช่วยลดอัตรากำไรขั้นต้นของ Nike ลงเหลือ 42.9% จาก 45.9% ในปีที่ผ่านมา
ด้าน John Donahoe CEO ของ Nike กล่าวต่อว่า บริษัทได้ผ่านจุดสูงสุดของสินค้าคงคลังไปแล้ว และอัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะลดลง 2.5 % ในไตรมาส 4 เนื่องจากความพยายามในการชำระบัญชียังคงดำเนินต่อ
นอกจากนี้ บริษัทยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบเป็นรายปี คิดเป็น 4.1 พันล้านดอลลาร์ หลักๆ มาจากการใช้ในจุดจำหน่ายและการบริหาร ควบคู่กับการทำตลาดเพื่อโฆษณาสินค้า คาดว่าจากนี้จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ด้านตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่อันดับ 3 ที่ทำรายได้ให้กับ Nike กลับมีรายได้ลดลง 3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และต้องปรับตัวอย่างหนักเพื่อรับมือกับมาตรการล็อกดาวน์ของโควิดที่ยืดเยื้อ ประกอบกับผู้คนมีการชะลอในการจับจ่าย
เห็นได้จากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน ระบุว่า ภาพรวมยอดขายของค้าปลีกในประเทศลดลง 5.9% และยอดขายเสื้อผ้าและรองเท้าลดลง 15.6%
จึงกลายเป็นเหตุผลให้บริษัทประกาศใช้กลยุทธ์ส่งเสริมการขายเชิงรุกเพื่อหาช่องทางขายใหม่ โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา Nike ได้เปิดตัวร้าน ‘Jordan World of Flight Milan’ แห่งใหม่ที่ Via Torino ซึ่งเป็นย่านช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงในอิตาลี ที่นับเป็นที่รู้จักกันดีของร้านรองเท้าดีไซเนอร์ชื่อดัง
อย่างไรก็ตาม ร้านดังกล่าวจะมีห้องรับรองสมาชิกแบบอินเตอร์แอ็กทีฟที่ปรับแต่งให้เหมาะกับลูกค้าของแบรนด์ และเชื่อว่าจะช่วยเสริมประสบการณ์การช้อปปิ้ง และให้แบรนด์เข้าถึงผู้บริโภคได้โดยตรง
อ้างอิง: