Nicki Minaj ยังคงเรียกร้องให้ Jay-Z ใช้หนี้เธออย่างต่อเนื่อง โดยเธอเผยว่า Jay-Z ติดค้างเงินเธออยู่ 200 ล้านดอลลาร์ จากการเซ็นสัญญาและการซื้อขายแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง Tidal
ย้อนกลับไปในปี 2015 ศิลปิน โปรดิวเซอร์ แร็ปเปอร์ และเจ้าของค่ายเพลง Roc Nation อย่าง Jay-Z ได้ก่อตั้งแพลตฟอร์มสตรีมมิง Tidal ขึ้นมา โดยจับมือเป็นพาร์ตเนอร์ชิปกับศิลปินแนวหน้าทั้งหมด 15 ราย ซึ่งก็มีทั้งภรรยา Beyoncé, Ye, J-Cole, Rihanna, Madonna รวมไปถึงตัว Nicki Minaj เอง โดยทาง Tidal ได้แบ่งเงิน 3% จากบริษัทที่ขณะนั้นมีมูลค่าอยู่ 56 ล้านดอลลาร์ให้แก่ศิลปินแต่ละคน โดยมีเงื่อนไขให้พวกเขาสร้างคอนเทนต์และเพิ่มมูลค่าให้กับแพลตฟอร์ม
หลังจากนั้นในปี 2021 ทาง Jay-Z ตัดสินใจขาย Tidal ให้กับบริษัท Square ของ Jack Dorsey ในจำนวนเงิน 300 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่เหล่าศิลปินพาร์ตเนอร์ยังคงเก็บหุ้นของตัวเองไว้ ซึ่ง Nicki Minaj เผยว่าเธอได้รับค่าตอบแทนจากบริษัททั้งหมดเพียง 1 ล้านดอลลาร์ ไม่ใช่ 9 ล้านดอลลาร์ (3% จาก 300 ล้านดอลลาร์) จุดนี้เองที่ทำให้เธอกล่าวหาว่า Jay-Z หลอกลวงต้มตุ๋นเธอ และเขาก็ติดหนี้เธออยู่หลายล้านดอลลาร์ โดยล่าสุด Nicki Minaj โพสต์ผ่าน X ว่า “ตอนนี้เราคำนวณได้ 100-200 ล้านดอลลาร์แล้ว และ #JayZ โทรมาหาฉันเพื่อไกล่เกลี่ยสิ่งที่เขาทำเอาไว้ แต่มันยิ่งทำให้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นกว่าเดิมอีก”
Nicki Minaj เรียกร้องให้ Jay-Z ชำระเงินที่ค้างไว้พร้อมกับบอกว่าเขายังคงเป็นหนึ่งในคนที่เธอโปรดปราน ก่อนจะเขียนข้อความอีกว่า ใครที่เรียกเขาว่า Hov คนนั้นจะต้องโดนพระเจ้าลงโทษจากการหมิ่นศาสนา (Hov เป็นหนึ่งในชื่อเล่นของ Jay-Z ที่เขาตั้งขึ้นตามชื่อ Jehovah หนึ่งในพระนามของพระเจ้าในพันธสัญญาเดิม) โดย Nicki Minaj เผยอีกว่า ถ้าหากเขาใช้หนี้แล้ว เธอจะทำเงินเหล่านั้นไปเป็นทุนการศึกษาสำหรับแฟนคลับชาว Barbz ที่คอยสนับสนุนเธอเรื่อยมา อย่างเช่นในตอนนี้ที่ Barbz ต่างรวมตัวช่วยกันเรียกร้องให้ Jay-Z คืนเงินเธอผ่านทางโซเชียลมีเดียด้วย
ภาพ: Getty Images
อ้างอิง:
