วันนี้ (14 ตุลาคม) พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ แถลงข่าวถึงการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ป่วยนอก สิทธิบัตรทองที่ขึ้นตรงกับโรงพยาบาล หลังประกาศจะหยุดการให้บริการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2568 จนกว่าสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จะมีความชัดเจนในการชําระหนี้ปี 2563 และ ปี 2567
พล.ต.นพ.เหรียญทอง ยืนยันว่า ยังคงให้การรักษาผู้ป่วยใน หรือ ผู้ป่วยแอดมิต เหมือนเดิม ส่วนการหยุดให้บริการจะมีผู้ป่วยนอกที่ได้รับผลกระทบประมาณ 47,000 คน หรือ 500 คนต่อวัน
จากการสํารวจ พบว่าผู้ป่วยไม่ต้องการย้ายสิทธิโรงพยาบาล เนื่องจากต้องเดินทางไกล และต้องทำเรื่องใบส่งตัวไปโรงพยาบาลใหม่ ทางโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ จึงได้จัดทําโครงการบัตรทองแพลทินัม มีส่วนลด 5% สำหรับผู้ป่วย
พล.ต.นพ.เหรียญทอง ยังระบุด้วยว่า วันนี้ได้มีการเชิญ สปสช. มาร่วมในการตอบคําถามการย้ายสิทธิ ซึ่งโรงพยาบาลพร้อมทําประวัติส่งตัวและจัดรถรับส่งให้ทันที แต่ไม่ได้รับการประสาน ทั้งนี้ ทางโรงพยาบาลได้เตรียมการดูแลผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบล่วงหน้ากว่า 1 เดือนแล้ว คาดว่าในจํานวนผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง ทั้งหมด 47,000 กว่าราย อาจจะมีผู้ป่วยที่จ่ายค่ารักษาพยาบาลไม่ไหวประมาณ 10,000 กว่าคน
โกรธ-เกลียด สปสช. แต่จะไม่ยกเลิกบัตรทอง
สําหรับทางออกระยะสั้น ที่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะดำเนินการนั้น พล.ต.นพ.เหรียญทอง ระบุว่า สปสช. จะต้องจัดเจ้าหน้าที่มาเคลียร์ยอดผู้ป่วย ตามที่ได้มีการตกลง ยอดหนี้ให้ชัดเจน รวมถึงการชําระหนี้ที่ปัจจุบัน สปสช. ค้างชำระกว่า 80 ล้านบาท
ซึ่งสามารถแบ่งชําระได้
พร้อมย้ำว่า ตนเป็นบริษัทมหาชน ที่จะต้องมีการชี้แจงผลประกอบการกับผู้ถือหุ้น และไม่ได้อยากพึ่งมาตรการของศาลปกครอง เนื่องจากกระบวนการไม่สามารถบรรเทาทุกข์ให้ตนได้ สิ่งที่ทําได้ คือ การฟ้องพี่น้องประชาชน และการเจรจาที่ขอให้เป็นไปตามกติกาที่ได้มีการมาหารือกับตนไว้ ไม่ใช่กติกาในอนาคตที่มีผลย้อนหลัง
“ถึงแม้จะผมจะโกรธและเกลียด สปสช. แต่จะไม่ยกเลิกสิทธิบัตรทอง เพราะไม่เคยรังเกียจประชาชน ไม่อยากให้ประชาชนเป็นตัวประกัน แต่ผมไม่สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ทั้งหมด ผมจะเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันให้กับโรงพยาบาลที่ยังไม่ออกมาเรียกร้อง ณ ขณะนี้”
พล.ต.นพ.เหรียญทอง ยืนยันด้วยว่า ระบบบัตรทองไม่ได้ล่มสลาย แต่มีรอยร้าว ไม่ได้หมายความว่าจะถล่มลงมา แต่หากปล่อยทิ้งไว้จะถล่ม ซึ่งวันนี้ออกมาพูดแทนโรงพยาบาลทั่วประเทศ เพื่อไม่ให้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติถ้วนหน้าที่ตนรักมีปัญหา แม้วันนี้ตนไม่รัก สปสช. แต่กรณีที่มีข้อพิพาทกับ สปสช. ยืนยันว่าจะไม่ทําให้คนไข้เดือดร้อน
“บาทเดียวก็ยกให้ไม่ได้” เตรียมหลักฐาน จ่อฟ้องแพ่ง-อาญา
ผู้สื่อข่าวถามว่า หาก สปสช. มาขอยกหนี้จะทำอย่างไร พล.ต.นพ.เหรียญทอง ยืนยันว่าไม่สามารถทำได้ เพราะตนมีผู้ถือหุ้นที่ต้องชี้แจง บาทเดียวก็ยกให้ไม่ได้ เพราะลูกน้องของตนจะต้องมีความมั่นคง มีกินมีใช้
“หาก สปสช. ไม่จ่าย (หนี้ 80 กว่าล้านบาท) ผมก็คงสูญ ผมทําใจไว้อยู่แล้ว แต่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะไม่มีทางเจ๊ง เพราะรายได้บัตรทองเป็นเพียงแค่ 10-15 %”
ทั้งนี้ ในส่วนนี้ของปี 2563 หากศาลปกครองดำเนินคดีต่อเนื่อง คาดว่าตนจะชนะและได้ดอกเบี้ยย้อนหลังปีละ 7.5%
ส่วนหนี้ของปี 2567 นั้น เบื้องต้นจะต้องรอหลักฐานเอกสารกรณี สปสช. ไม่ชำระหนี้เพราะเหตุใด และจะดําเนินการทางแพ่ง ในมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงดำเนินคดีทางอาญา กรณีการเปลี่ยนเกณฑ์การจ่ายค่ารักษาพยาบาล ที่จะฟ้องให้ติดคุก เพราะความยุติธรรมที่ล่าช้าถือเป็นความอยุติธรรมที่ทําให้เกิดความไม่สงบในประเทศ
ส่วนสาเหตุที่ สปสช. ไม่สามารถชําระหนี้ให้กับโรงพยาบาลมงกุฎ รวมถึงโรงพยาบาลอื่นๆ นั้น พล.ต.นพ.เหรียญทอง ระบุว่า ตนไม่ทราบ แต่คาดว่าเกิดจากงบประมาณไม่เพียงพอ เนื่องจากการเจ็บป่วยเป็นเรื่องที่คาดเดายาก งบปลายปิดเป็นสิ่งที่ สปสช. ควรออกมาชี้แจ้ง และการตัดหนี้ ผลักภาระมาให้โรงพยาบาล ซึ่งเป็นหน่วยบริการ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง นอกจากนี้ นโยบายสาธารณสุขที่ผุดขึ้นกลางคันตนไม่ได้ว่านักการเมือง แต่เป็นสิทธิประโยชน์ของประชาชนที่ สปสช. ต้องรู้จักปฏิเสธ
เผยข่าวลือ สปสช. พยายามเบี้ยวหนี้
พล.ต.นพ.เหรียญทอง ยังเปิดเผยด้วยว่า ได้รับข่าวลือว่างบกลางที่ สปสช. ได้ ขอไป จำนวน 8,000 ล้านบาท ไม่มีชื่อโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ รวมถึง สปสช. พยายามที่จะขอเลิกสัญญากับโรงพยาบาลด้วย
ส่วนตัวมองว่าการที่นายกรัฐมนตรีจะเพิ่มงบกลางในการนำมาชำระหนี้ของ สปสช. ให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศนั้น นายกรัฐมนตรีจะมาดูรายละเอียดทุกเรื่องไม่ได้ และเชื่อว่า หากประชาชนไม่พอใจจนเกิดการลุกฮือ ประชาชนจะรังเกียจ สปสช. ไม่ใช่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะที่ยุติการรักษาพยาบาล
“เมื่อประชาชนเดือดร้อนและทราบความเป็นจริง ประชาชนจะรังเกียจ และเกลียดชัง สปสช. จนถึงวันนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจาก สปสช. ซึ่งผมจะยุติการให้บริการจนกว่า สปสช. จะมีความสํานึกรับผิดชอบในหน้าที่ วันนี้ สปสช. เหมือนเอาคนป่วยมาทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ เมื่อไม่รักษาก็บอกว่าโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะใจดํา วันนี้ผมทําให้สังคมได้รับรู้ จะให้โรงพยาบาลมารับผิดชอบอย่างนี้ร่ำไปอีกไม่ได้แล้ว”
พล.ต.นพ.เหรียญทอง ยังระบุด้วยว่า ขอให้ติดตามในวันที่ 16 ตุลาคมนี้ หาก สปสช. ไม่มารับคนไข้ไป ตนจะนําคนไข้ผู้สูงอายุมาขึ้นตรงกับโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ซึ่งจะดีกว่าระบบสิทธิบัตรทองที่ถูกจํากัดด้วยระบบการจ่ายยา และทําให้เกิดความสมดุลและผู้ป่วยอยู่ได้ โรงพยาบาลอยู่ได้
เตรียมยุติให้บริการชั่วคราว ผู้ป่วยนอก สิทธิบัตรทอง 16 ต.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงข่าว พล.ต.นพ.เหรียญทอง ได้ลงมายังจุดให้บริการผู้ป่วยนอก หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และประกันสังคม เพื่อประกาศกับผู้ป่วยที่ให้บริการอยู่ ว่าจะยุติการให้บริการผู้ป่วยนอก สิทธิบัตรทอง ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม เป็นต้นไป โดยผู้ป่วยหลายคนยอมที่จะรักษากับโรงพยาบาลต่อไป เนื่องจากติดค่าเดินทาง แต่มองว่า สปสช. ควรจะเข้ามาดำเนินการเนื่องจากเป็นสิทธิของผู้ป่วย
ขณะเดียวกัน มีผู้ป่วยบางรายยังไม่ทราบว่า ภายหลังจากวันที่ 16 ตุลาคม จะต้องชําระค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลเอง