ช่วงนี้อะไรๆ ก็ลงไปหมด ทั้งหุ้นและคริปโต แต่ที่ร่วงหนักที่สุดคงหนีไม่พ้น NFT เพราะไม่ว่าจะคอลเล็กชันใหญ่ เล็ก หรือโปรเจ็กต์บลูชิปทั้งหลาย ก็ต่างติดลบเกินกว่าครึ่ง แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีหลายความคิดเห็นที่เชื่อในอนาคตที่สดใสของ NFT ด้วยเหตุผลที่มาพร้อมข้อมูลจากแพลตฟอร์มคริปโตต่างๆ ซึ่งเราเลยสรุปมาให้ว่า อะไรคือเหตุผลที่ทำให้คนเชื่อ และ NFT จะกลับมาได้จริงไหม เรามาวิเคราะห์กัน
จำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น
ข้อมูลจาก Chainalysis เผยว่า ต้นปีที่ผ่านมา มีผู้ใช้งานถึง 9.5 แสนราย ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่าปลายปี 2020 ที่มีประมาณ 6 แสนกว่าราย สะท้อนถึงการโตขึ้นอย่างต่อเนื่องของตลาด NFT แบบเดือนชนเดือน และแม้ตัวเลขล่าสุดจะไม่เท่ากับเดือนก่อนๆ แต่มันก็ยังมากกว่าปี 2020 และช่วงเวลาใหญ่ๆ ในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ฝ่ายสนับสนุนคริปโตยังบอกด้วยว่า ที่จริงสื่อต่างๆ ยังไม่ได้เอาข้อมูลทั้งหมดมาชั่งน้ำหนักและสรุปเนื้อหาข่าว ทั้งๆ ที่ทำการบ้านมาไม่ดีพอ จำนวนผู้ใช้งานที่เยอะขนาดนี้ยังเชื่อมโยงไปกับจำนวนการซื้อ-ขายด้วย
Metaverse ของ Bored Ape Yacht Club
การซื้อ-ขายมูลค่ามหาศาลจากกลุ่ม NFT บลูชิป
การฟื้นตัวเพียงเล็กน้อยของแพลตฟอร์ม NFT ต่างๆ เมื่อเร็วๆ นี้ มีสาเหตุจากความสำเร็จของโปรเจ็กต์บลูชิปใหม่ๆ เช่น Moonbirds และ Otherdeed for Otherside หรือโปรเจ็กต์ Metaverse ของ Bored Ape Yacht Club ซึ่งทุบสถิติทำมูลค่าซื้อ-ขายรวมกันถึง 4 หมื่นล้านบาท เรียกได้ว่าเป็นความหวังของหมู่บ้านที่แท้จริง นอกจากนี้กลุ่มคริปโตใน Reddit ยังต่างพากันมองว่า นี่คือการดีท็อกซ์ของวงการ NFT ที่คิดโปรเจ็กต์ไร้ประสิทธิภาพออกไป และคงไว้ซึ่ง NFT ที่มีมูลค่าจริงๆ
Moonbirds
มีจำนวนแอ็กทีฟคอลเล็กชันที่เยอะขึ้น
แต่นอกจากกลุ่ม NFT บลูชิปแล้ว ในตลาดซื้อขาย NFT ที่ใหญ่ที่สุดอย่าง OpenSea ก็ยังมีโปรเจ็กต์ใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจสื่อให้เห็นถึงความต้องการที่มากขึ้นของนักสะสม หรือจริงๆ แล้วอาจเป็นตลาดที่อิ่มตัวเกินไปแล้วก็ได้ เพราะใครๆ ก็ลงงานขายได้ไม่ยาก แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ข้อมูลก็มีหลายด้าน และคอลเล็กชันเหล่านี้อาจมาจากการซื้อ-ขายที่เป็นคนคนเดียวกัน เพื่อหลอกนักสะสมว่ามีคนมาซื้อเยอะ ดังนั้นคอลเล็กชันส่วนใหญ่ที่ไม่ได้ถูกจัดเป็นบลูชิปอาจมีมูลค่าที่ไม่โตขึ้นและเป็นการลงทุนที่ล้มเหลว สัญญาณการฟื้นตัวจึงอาจมาจาก Moonbirds และ Otherdeed เป็นหลัก
ตลาด NFT กำลังอยู่ในขั้นตอนการเติบโต
เป็นธรรมดาที่นวัตกรรมใหม่จะมีความไม่แน่นอนและผันผวน เพราะขาลงของ NFT ที่เรากำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงที่คัดแยกผู้ซื้อที่ขาดทุนหนักและออกจากวงการไปแล้ว รวมถึงผู้ขายที่ล้มเลิกความตั้งใจหลังจากที่ขายไม่ได้หรือขายไม่ดี นอกจากนี้ยังมีนักวิเคราะห์อื่นๆ ที่เชื่อมโยงเหตุการณ์นี้กับการร่วงของ Bitcoin เมื่อปี 2018 เราก็เห็นแล้วว่ามันงอกเงยขึ้นมาได้ขนาดไหนเมื่อเวลาผ่านไป
ทั้งนี้ เหตุผลเหล่านี้ก็สร้างความหวังให้กับการฟื้นตัวของ NFT และในจังหวะขาลงก็เป็นโอกาสที่ดีในการช้อนซื้อหรือลงงานขายที่ไม่ได้ลงสักที แน่นอนว่าความนิยมของเทคโนโลยีนี้ก็ขึ้นอยู่กับวิวัฒนาการของมันด้วยว่าจะเอาไปใช้งานในโลกจริงๆ ได้ไหม คนทั่วไปจะเข้าถึงได้หรือเปล่า และคนที่เข้าไปจะทำอย่างไรให้ไม่ถูกแฮ็กหรือถูกขโมย NFT นี่คงเป็นปัญหาที่ต้องรอการแก้ไข และเป็นเรื่องของวันหน้า
ภาพ: Shutterstock, Bored Ape Yacht Club, Moonbirds
อ้างอิง: