ลงโฆษณาบนยูทูบ (YouTube) ทำยังไงให้ปัง?
คำเฉลยอยู่ในงานประกาศผล YouTube Ads Leaderboard เมื่อวานนี้ (5 กรกฎาคม)
แต่ก่อนจะเฉลย เคยสงสัยไหมว่า ทำไมต้องโฆษณาลงยูทูบ?
ครึ่งชีวิตหลังตื่นนอนของคนไทยอยู่บนโลกออนไลน์
ไมเคิล จิตติวาณิชย์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด Google ประเทศไทย ตอบคำถาม ‘ทำไมต้องโฆษณาลงยูทูบ?’ มีเหตุผลอยู่ 3 ข้อ
หนึ่ง-คนไทยมีชั่วโมงดูยูทูบติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก และกว่า 71% เข้ามาดูมากกว่า 1 ครั้งต่อวัน
และคนไทยที่ใช้อินเทอร์เน็ตดูยูทูบมากกว่าทีวีถึง 61%
โดย 80% ของคนที่ชอบดูยูทูบ บอกว่าดีเพราะ ‘ดูเมื่อไหร่ก็ได้’
สอง-คนไทยเข้าอินเทอร์เน็ตเฉลี่ย 8 ชั่วโมงต่อวัน (เรียกว่า ครึ่งหนึ่งของชีวิตหลังตื่นนอนอยู่กับอินเทอร์เน็ต)
โดยเข้าผ่านมือถือ 4 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าใช้อินเทอร์เน็ตผ่านมือถือมากที่สุดในโลก ขณะที่ทีวี คนไทยดูเฉลี่ยแค่ 2 ชั่วโมงต่อวัน (ข้อมูลจาก Global Web Index)
สาม-พฤติกรรม Second Screening ที่เพิ่มขึ้นทุกวัน กว่า 3 ใน 4 หรือ 75% ของคนไทยเล่นสมาร์ตโฟนระหว่างดูทีวี และ 1 ใน 3 ใช้คอมพิวเตอร์ระหว่างดูทีวี
วันที่คนเข้าถึงคอนเทนต์ได้ง่าย ใครๆ ก็ทำคอนเทนท์ได้ ทำให้จำนวนคอนเทนต์มีมหาศาล จนเกิดศึกแย่ง ‘eye ball’ (เวลาการรับชมของผู้บริโภค)
“สิ่งที่ทำให้เกิดยากในปัจจุบันคือเข้าถึงแล้วได้ความสนใจหรือไม่” หัวหน้าฝ่ายการตลาด Google ประเทศไทย กล่าว
สมาธิในการรับรู้ลดเหลือ 8 วินาที!
ผลสำรวจของไมโครซอฟท์ที่เผยในงาน ระบุว่า ‘attention span’ หรือ สมาธิในการรับรู้ของคนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ลดจาก 12 วินาที เหลือ 8 วินาที!
ขณะที่ปลาทองมีความสนใจระยะสั้นที่ 9 วินาที (อ้างอิง: http://www.statisticbrain.com/attention-span-statistics/)
มีสมาธิสั้นกว่าปลาทองซะอีก!
พอสมาธิของคนสั้นขนาดนี้ คำถามคือ จะทำให้คนสนใจคอนเทนต์หรือโฆษณาได้ยังไง?
Attention = Viewability + Audibility + Watch time
ไมเคิลบอกว่า นี่คือสมการของความสนใจ จะทำโฆษณาให้คนเกิดความสนใจได้ต้องมี 3 ส่วนนี้ประกอบกัน คือ
1. คนเห็นหรือไม่? (Viewability)
เกณฑ์ชี้วัดนี้ฟังดูง่ายมาก เพราะแค่วิดีโอโฆษณาปรากฎบนหน้าจออย่างน้อย 2 วินาที ก็ถือว่าโฆษณานั้น viewable แล้ว แต่เชื่อไหมว่าปัจจุบันในอุตสาหกรรมโฆษณามี viewable ต่ำมาก
2. คนได้ยินเสียงของโฆษณาหรือเปล่า? (Audibility)
ผลสำรวจของกูเกิลที่ดูผลของโฆษณาต่างๆ พบว่าคลิปโฆษณาที่เห็นและได้ยินเสียงไปพร้อมกัน จะมี ads recall (การจดจำโฆษณาได้ดีกว่าคลิปโฆษณาที่เห็นอย่างเดียวแต่ไม่ได้ยินเสียง) ถึง 1.6 เท่า
3. คนดูโฆษณานานแค่ไหน? (Watch Time)
หากคนดูคลิปโฆษณาเราเกิน 3 วินาที จะจดจำโฆษณาเราได้มากขึ้นกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับการดูคลิปโฆษณาไม่ถึง 3 วินาที ซึ่งระยะเวลาการดูโฆษณาเป็นตัววัด Attention ที่ดีที่สุด
ยิ่งดูนานเท่าไหร่ก็จะได้ Attention จากคนมากขึ้นเท่านั้น
“Attention ก็เหมือนกับการกินอาหารของคน บางครั้งเราก็อยากกินแค่ขนมเล็กๆ บางครั้งก็อยากกินอะไรรองท้อง แต่บางครั้งก็อยากกินมื้อใหญ่
“สิ่งที่นักการตลาดต้องคิดคือในช่วงเวลาที่มีไม่เท่ากันของแต่ละคน เราต้องทำโฆษณาให้เหมาะกับ attention span ที่เขามี
“สมมุติทำงานในออฟฟิศแอบดูยูทูบได้แป๊บเดียว โฆษณาที่เหมาะกับคนช่วงนี้คือโฆษณา 6 วินาที เป็นรูปแบบใหม่ที่ยูทูบทำขึ้นมาเรียกว่า Bumper Ads ต่อมาเป็นรูปแบบที่คุ้นเคยคือยาว 15-30 วินาที คือคนดูมีเวลาให้เราระดับหนึ่ง แต่จะมีหลายครั้งที่ผู้บริโภคมีเวลาให้เราได้เยอะ เราจัดเต็มทำโฆษณาแบบยาวเล่าสตอรีแบรนด์เราให้คนรู้” ไมเคิลระบุ
โฆษณายังไงให้ปัง!
ในงานประกาศผล YouTube Ads Leaderboard มีการวิเคราะห์ 10 อันดับโฆษณาที่ได้รับความนิยมสูงสุดบน YouTube ในช่วงครึ่งปีแรก (2560) พบว่ามีเหตุผล 4 ข้อ คือ
1. เน้นการเล่าเรื่องมากกว่าการขาย (เข้าใจว่าคนต้องการดูอะไร) ไม่ฮาร์ดเซล ไม่ว่าโฆษณาจะสั้นหรือยาวแค่ไหน ถ้าเนื้อหาดี น่าสนใจ คนก็จะเลือกดู
2. ความยาวแค่ไหนไม่สำคัญ สำคัญคือต้องเข้าใจว่าคอนเทนต์เราเป็นแบบไหน และทำความยาวให้เหมาะสมกับคอนเทนต์นั้นๆ
3. เพลงติดหู โฆษณาที่ไม่มีเพลงหรือดนตรีประกอบจะไม่ค่อยได้รับความสนใจ โดย 95% ของโฆษณาบน YouTube เป็นโฆษณาที่มีเสียง
4. ใช้คนที่มีชื่อเสียง 8 ใน 10 ของโฆษณาที่ได้รับความนิยม เลือกใช้คนมีชื่อเสียงเพื่อช่วยเพิ่มความน่าสนใจ แสดงให้เห็นว่าคนไทยยังให้ความสนใจบุคคลที่มีชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็นสื่อออนไลน์หรือออฟไลน์
ทั้งหมดนี้คือภาพรวมเทรนด์โฆษณาในยูทูบของประเทศไทย ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2560
อ้างอิง:
- IQ สำนักข่าวอินโฟเควสท์
- www.statisticbrain.com/attention-span-statistics/
- 1 นาที คือ โฆษณาที่สั้นที่สุดที่ชนะ YouTube ads leaderboard ขณะที่โฆษณาที่ยาวที่สุดคือ เกือบ 12 นาที
- 1 ปีที่ผ่านมา ในไทยมีคนอัพโหลดวิดีโอลง Youtube มากกว่า 1 ล้านชั่วโมงต่อวัน