หลังจากเมื่อปีที่แล้วสำนักข่าวต่างประเทศพากันประกาศกึกก้องว่า Amazon จะรุกคืบเข้ามาตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในเร็วๆ นี้ และปี 2017 จะเป็นศึก ‘ยักษ์ปะทะยักษ์’ ระหว่าง Alibaba กับ Amazon อย่างแท้จริง ยิ่งมีข่าวความเคลื่อนไหวของสองอีคอมเมิร์ซยักษ์โหมกระพือไปทั่วโลกมากเท่าไร ก็ยิ่งสร้างแรงกดดันต่อกลุ่มธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่และผู้ประกอบการรายย่อยบนสนามการค้าออนไลน์ที่ต้องเร่งปรับตัว
ทว่า กระทั่งผ่านไตรมาสแรกของปีนี้ไปแล้ว Amazon ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะขยับตัวเคลื่อนไหวในภูมิภาคนี้แต่อย่างใด ผิดกับ Alibaba ที่ร่วมมือกับรัฐบาลมาเลเซีย ตั้งศูนย์กระจายสินค้าและบริการขนส่งสินค้าอีคอมเมิร์ซ เพื่อผลักดันให้มาเลเซียเป็น ‘เขตการค้าเสรีดิจิทัล’ ประจำภูมิภาค อีกทั้งกำลังเจรจาร่วมลงทุนในกิจการสตาร์ทอัพ Grab โดยคาดการณ์ว่าจะเป็นมูลค่าสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์!
จึงเกิดคำถามต่อมาว่า หรือ Amazon จะหาทางวางกลยุทธ์ใหม่เพื่อรับมือกับการเดินหมากของ Alibaba กันแน่ แต่จะช้าไปหรือเปล่าคงต้องรอดูกันก่อนจะด่วนสรุป
อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวของเว็บไซต์ TechCrunch อ้างว่า Amazon น่าจะยกทัพเข้ามาในสิงคโปร์เร็วกว่าที่คิด และคาดว่าอย่างเร็วที่สุดคือไม่เกินสัปดาห์นี้! ซึ่งมีทั้งส่วนของอีคอมเมิร์ซ บริการขนส่งสำหรับสมาชิก Amazon Prime และบริการเดลิเวอรี Amazon Prime Now
เว็บไซต์ TechCrunch ตั้งข้อสังเกตว่า Amazon เริ่มส่งสัญญาณขยับตัวผ่านแคมเปญมาร์เก็ตติ้งออนไลน์ที่เน้นเจาะกลุ่ม Online Influencers ในอินสตาแกรมที่มีผู้ติดตามจำนวนมากได้โพสต์รูปสินค้าที่ส่งตรงมาจากบริการเดลิเวอรีเจ้าใหม่ พร้อมติด #sponsored ซึ่งชาวโซเชียลในสิงคโปร์ต่างคาดเดาและคอมเมนต์ไปในทางเดียวกันว่าไม่น่าจะเป็นใครไปได้นอกจาก Amazon นั่นเอง
แม้ว่าทาง Amazon จะยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะเปิดบริการในสิงคโปร์เมื่อไร แต่สัญญาณเล็กๆ เหล่านี้ก็บอกให้เรารู้ว่า Amazon จะมาแน่ๆ ถึงจะขยับตัวช้าแต่มาชัวร์ โดย Amazon ได้เลือกประเดิมตลาดแรกที่ประเทศสิงคโปร์ก่อน เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่คุ้นเคยกับแบรนด์และวัฒนธรรมโลกตะวันตกเป็นอย่างดี แต่เป็นไปได้สูงว่า Amazon จะเตรียมขยายตลาดไปยังอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดในภูมิภาคนี้ ราว 260 ล้านคน ซึ่งถ้า Amazon พิชิตตลาดนี้ได้ ก็เท่ากับว่าสามารถครองชิ้นเค้กก้อนโตที่สุดของภูมิภาคนี้ได้สำเร็จ
อย่างไรก็ดี Amazon คงต้องเตรียมพร้อมในทุกด้าน เพราะว่ายักษ์ใหญ่ที่รุกคืบเข้ามาในภูมิภาคนี้ไม่ได้มีแค่ Alibaba รายเดียว แต่ยังรวมไปถึง Tencent ซึ่งอาจจะไม่ใช่คู่แข่งโดยตรงเสียทีเดียว แต่ก็มีธุรกิจอีคอมเมิร์ซและบริการชำระเงินผ่านแอปพลิเคชัน WeChat ในครอบครอง อีกทั้งยังเข้าใจผู้บริโภคในภูมิภาคนี้เป็นอย่างดี
Cover Photo: PHILIPPE MERLE/AFP
อ้างอิง: