นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เปลี่ยนสถานะจากทีมลุ้นหนีตกชั้นที่แทบจะไม่มีงบให้ผู้จัดการทีมเสริมทัพในช่วงเปิดตลาดซื้อขายที่ผ่านมา กลายเป็นสโมสรฟุตบอลที่มั่งคั่งที่สุดในพรีเมียร์ลีกที่พร้อมจะไล่ล่านักเตะฝีเท้าดีทุกคนในโลกลูกหนังทันที หลังจากกลุ่มทุนใหม่ที่นำโดย Public Investment Fund (PIF) กองทุนแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย เข้าเทกโอเวอร์ทีมจากเจ้าของเดิมอย่าง ไมค์ แอชลีย์ ด้วยเม็ดเงินราว 300 ล้านปอนด์สำเร็จ
โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ของทีมนิวคาสเซิลจะมีผู้ถือหุ้นใหญ่คือกองทุน Public Investment Fund (PIF) ที่จะถือหุ้น 80% ส่วนที่เหลือจะถูกถือโดย อแมนดา สเตฟลีย์ ซึ่งเป็นนายหน้าที่ทำการเจรจาครั้งนี้จนลุล่วง และ รูเบน บราเธอร์ส อีกฝ่ายละ 10%
ปัจจุบันกองทุน PIF ของซาอุดีอาระเบียมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ 3.2 แสนล้านปอนด์ และมีมกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน นั่งเป็นประธาน ซึ่งทำให้ความรำ่รวยของนิวคาสเซิลพุ่งขึ้นแซงหน้าทีมอย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง รวมถึงคู่แข่งร่วมลีกอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้และเชลซีอย่างไม่เห็นฝุ่น
แม้ว่าตามข้อมูลจากหน้าสื่อต่างๆ จะระบุว่า บิน ซัลมาน มีทรัพย์สินส่วนตัวราว 1.3 หมื่นล้านปอนด์ น้อยกว่า ชีค มานซูร์ บิน ซาเยด อัล นาห์ยาน เจ้าของสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่มีทรัพย์สิน 1.7 หมื่นล้านบาท แต่การที่สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน พระราชบิดา มีปัญหาป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ก็ทำให้มกุฎราชกุมารอย่าง บิน ซัลมาน คือผู้ที่ดูแลทรัพย์สินของราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีมูลค่ากว่า 1.3 ล้านล้านปอนด์ในทางเทคนิค เรียกได้ว่าร่ำรวยกว่าควีนเอลิซาเบธของอังกฤษซึ่งมีทรัพย์สิน 382 ล้านปอนด์หลายพันเท่า
ปัจจุบันกองทุน PIF ของซาอุดีอาระเบีย มีการกระจายพอร์ตลงทุนอยู่ในธุรกิจต่างๆ ทั่วโลกกว่า 200 แห่ง ซึ่งรวมถึงการถือหุ้น Tesla, General Electric และรีสอร์ตหรูหลายแห่ง โดยล่าสุดได้เริ่มเข้ามาลงทุนในธุรกิจกีฬาด้วยการเข้าซื้อทีมนิวคาสเซิล ซึ่งเป็นไปตาม ‘Saudi Vision 2030’ หรือวิสัยทัศน์ 2030 ของซาอุดีอาระเบียที่ต้องการลดการพึ่งพารายได้จากน้ำมันลง
กองทุนจากซาอุดีอาระเบียเคยพยายามเข้าเทกโอเวอร์ทีมนิวคาสเซิลมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อ 14 เดือนก่อน แต่การเจรจาต้องชะงักไปจากกรณีที่มกุฎราชกุมาร บิน ซัลมาน ถูกตั้งข้อสงสัยเรื่องปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน โดยถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังการสังหาร จามาล คาช็อกกี ผู้สื่อข่าวที่มีปัญหากับราชวงศ์ ขณะเดียวกันซาอุดีอาระเบียยังมีข้อพิพาทเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์กับ บีอิน สปอร์ตส์ สื่อโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่ของกาตาร์ เจ้าของลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกในตะวันออกกลาง
ล่าสุด PIF ได้แก้ต่างกรณีปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนให้กับ บิน ซัลมาน ได้สำเร็จ ขณะที่ซาอุดีอาระเบียก็ยินยอมยกเลิกการถ่ายทอดสดแบบผิดกฎหมายผ่านทางบีเอาต์คิว (beoutQ) และกลับมาซื้อลิขสิทธิ์รับชมทางบีอิน สปอร์ตส์อีกครั้ง ทำให้พรีเมียร์ลีกยอมไฟเขียวให้ดีลการเทกโอเวอร์ลุล่วงไปได้ในครั้งนี้
นักวิเคราะห์หลายรายเชื่อว่าการได้อภิมหาเศรษฐีเข้ามาเป็นเจ้าของทีมนิวคาสเซิลในครั้งนี้ จะทำให้ตลาดซื้อขายนักเตะที่กำลังจะเปิดขึ้นอีกครั้งในเดือนมกราคมนี้ปั่นป่วนไม่น้อย เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่เจ้าของใหม่จะต้องการใช้จ่ายเงินเพื่อไล่ล่าความสำเร็จให้กับทีมในทันที ซึ่งแน่นอนว่าผลกระทบทางอ้อมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือค่าตัวนักเตะที่จะเฟ้อขึ้นจากปัจจุบัน
อ้างอิง: