นิวซีแลนด์เตรียมผลักดันกฎหมายที่จะมีผลทำให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่เกิดหลังจากปี 2008 สูบบุหรี่ไม่ได้ตลอดชีวิต ซึ่งนับเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดของรัฐบาลนิวซีแลนด์ที่พยายามผลักดันการเลิกบุหรี่ และทำให้การสูบบุหรี่เป็นเรื่องผิดกฎหมายในประเทศ
หากกฎหมายมีผลบังคับใช้ตามแผน เยาวชนที่มีอายุ 14 ปีและต่ำกว่านั้นจะไม่สามารถซื้อบุหรี่ได้อย่างถูกกฎหมายในนิวซีแลนด์ โดยเกณฑ์อายุการสูบบุหรี่ตามกฎหมายจะเพิ่มขึ้นทุกปี เพื่อสร้างคนรุ่นใหม่ที่ปลอดบุหรี่ จากการเปิดเผยของ ดร.อายชา เวอร์รอล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันพฤหัสบดี
“เราต้องการให้แน่ใจว่าคนหนุ่มสาวจะไม่มีวันเริ่มสูบบุหรี่ ดังนั้นเราจึงออกกฎหมายสำหรับคนรุ่นปลอดบุหรี่ ด้วยการทำให้การจำหน่ายหรือจัดหาผลิตภัณฑ์ยาสูบเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายสำหรับเยาวชนกลุ่มใหม่ ผู้ที่มีอายุ 14 ปีเมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้จะไม่สามารถซื้อยาสูบอย่างถูกกฎหมายได้” เวอร์รอลกล่าว
นอกจากการจำกัดอายุแล้ว รัฐบาลนิวซีแลนด์ยังได้ประกาศมาตรการอื่นควบคู่ เพื่อทำให้ประชาชนไม่สามารถหาซื้อหรือเข้าถึงบุหรี่ได้ ด้วยเป้าหมายที่จะทำให้นิวซีแลนด์เป็นประเทศที่ปลอดบุหรี่โดยสิ้นเชิงภายในสี่ปีข้างหน้า โดยมาตรการอื่นๆ ได้แก่ การลดปริมาณนิโคตินในผลิตภัณฑ์ยาสูบให้อยู่ในระดับที่ต่ำมาก การลดจำนวนร้านค้าที่สามารถขายบุหรี่ได้อย่างถูกกฎหมายจาก 8,000 แห่งเหลือประมาณ 500 แห่ง และเพิ่มเงินสนุบสนุนสำหรับบริการผู้ติดบุหรี่
ความเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตที่ป้องกันได้ในนิวซีแลนด์ ซึ่งมีประชากร 5 ล้านคน โดยการสูบบุหรี่คร่าชีวิตชาวนิวซีแลนด์ประมาณ 5,000 คนต่อปี
อัตราการสูบบุหรี่ต่อวันของนิวซีแลนด์ลดลงในช่วงที่ผ่านมา โดยลดลงเหลือ 11.6% ในปี 2018 จาก 18% เมื่อสิบปีก่อน แต่อัตราการสูบบุหรี่สำหรับชาวพื้นเมืองอย่างเมารีและแปซิฟิกานั้นสูงกว่ามาก คือ 29% สำหรับชาวเมารี และ 18% สำหรับแปซิฟิกา “ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เราอาจต้องใช้เวลาหลายสิบปีกว่าที่อัตราการสูบบุหรี่ของชาวเมารีจะลดลงต่ำกว่า 5% และรัฐบาลนี้จะไม่ทิ้งประชาชนไว้ข้างหลัง”
นโยบายของรัฐบาลนิวซีแลนด์ได้รับการตอบรับจากบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข อาทิ ดร.นาตาลี วอล์กเกอร์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการเสพติดของมหาวิทยาลัยโอ๊กแลนด์ ที่กล่าวว่า “นิวซีแลนด์เป็นผู้นำโลกอีกครั้ง ด้วยแผนการที่ก้าวล้ำในการทำให้นิวซีแลนด์เป็นประเทศปลอดบุหรี่ภายในปี 2025”
ด้าน คริส บูลเลน อาจารย์ด้านสาธารณสุข กล่าวว่า การลดนิโคตินในบุหรี่ถือเป็นครั้งแรกของโลก “ความปรารถนาทั้งหมดของผมเป็นจริงแล้ว”
อย่างไรก็ดี กฎหมายใหม่จะไม่จำกัดการขายบุหรี่ไฟฟ้า โดยปัจจุบัน การสูบบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาแทนที่การสูบบุหรี่ในกลุ่มวัยรุ่นนิวซีแลนด์ รวมไปถึงคนหนุ่มสาวจำนวนมากที่ไม่เคยสูบบุหรี่เลย จากการสำรวจนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย 19,000 คนในปีนี้ พบว่า เกือบ 20% สูบบุหรี่ไฟฟ้าทุกวันหรือหลายครั้งต่อวัน เทียบกับ 3% ของผู้ที่มีอายุ 15-17 ปีที่สูบบุหรี่ทุกวันในปี 2018 และ 13% เมื่อ 10 ปีก่อน
ไม่ใช่เพียงเสียงตอบรับ แผนการดังกล่าวของรัฐบาลถูกวิพากษ์วิจารณ์จากบางฝ่าย เช่น พรรค ACT ที่แย้งว่าการลดนิโคตินในผลิตภัณฑ์ยาสูบจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มคนที่มีรายได้น้อย ซึ่งจะต้องซื้อบุหรี่มากขึ้นและสูบบุหรี่มากขึ้นเพื่อให้ได้รับปริมาณนิโคตินเท่าเดิม อย่างไรก็ดี เวอร์รอลแย้งว่า ระดับนิโคตินที่ต่ำมากตามที่กฎหมายกำหนดนั้นได้รับการวิจัยและพิสูจน์แล้วว่าช่วยให้คนเลิกสูบบุหรี่
นอกจากประเด็นดังกล่าวแล้วยังมีความกังวลเกี่ยวกับตลาดมืดที่กำลังเติบโตขึ้น ซึ่งรัฐบาลยอมรับในเรื่องนี้ “หลักฐานบ่งชี้ว่าปริมาณผลิตภัณฑ์ยาสูบที่ลักลอบนำเข้านิวซีแลนด์ได้เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และองค์กรอาชญากรรมมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบขนสินค้า” เวอร์รอลกล่าว
ทั้งนี้ แผนการที่จะทำให้ชาวนิวซีแลนด์รุ่นใหม่ปลอดบุหรี่จะยังคงต้องผ่านกระบวนการทางกฎหมาย แต่ไม่น่าจะเผชิญกับอุปสรรคใดๆ เนื่องจากนโยบาย Smokefree 2025 เป็นนโยบายของพรรคแรงงาน ซึ่งครองเสียงข้างมากในรัฐสภานิวซีแลนด์ โดยเวอร์รอลระบุว่ากฎหมายดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในปี 2022 และจะเริ่มมีการจำกัดอายุในปี 2023
ภาพ: Phil Walter / Getty Images
อ้างอิง:
- https://www.theguardian.com/world/2021/dec/09/new-zealand-to-ban-smoking-for-next-generation-in-bid-to-outlaw-habit-by-2025
- https://gizmodo.com/new-zealand-to-ban-tobacco-permanently-for-anyone-born-1848184133
- https://www.reuters.com/business/healthcare-pharmaceuticals/new-zealand-plans-lifetime-ban-cigarette-sales-stamp-out-smoking-2021-12-09/