จาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีของนิวซีแลนด์ เปิดแถลงการณ์หลังเกิดเหตุกราดยิงมัสยิดในเมืองไครสต์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อช่วงเช้าของวันเสาร์ที่ 16 มี.ค. ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น โดยระบุว่านิวซีแลนด์จะเปลี่ยนกฎหมายเกี่ยวกับอาวุธปืน หลังเกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่จนมีผู้เสียชีวิตถึง 49 ราย
นายกรัฐมนตรีหญิงของนิวซีแลนด์เปิดเผยระหว่างการแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชนที่เวลลิงตัน เมืองหลวงของประเทศว่า ผู้กระทำผิดได้ใช้อาวุธปืนมากถึง 5 กระบอก ในจำนวนนี้มีปืนกึ่งอัตโนมัติ (Semi-Automatic) ปืนลูกซองรวมอยู่อย่างละ 2 กระบอก รวมถึงปืนคานเหวี่ยง โดยผู้ก่อเหตุได้รับใบอนุญาตที่ถูกออกเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2017 ก่อนเริ่มดำเนินการซื้ออาวุธปืนในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน
“ขณะที่การดำเนินการกำลังเป็นไปตามขั้นตอนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งนำไปสู่การถือครองใบอนุญาตอาวุธปืนและการครอบครองอาวุธเหล่านี้ ฉันขอบอกคุณไว้ตรงนี้เลยว่า กฎหมายเกี่ยวกับอาวุธปืนของเราจะถูกเปลี่ยนแปลง
“มีความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงกฎหมายของเรา (กฎหมายเกี่ยวกับอาวุธปืน) ในปี 2005 และปี 2012 รวมถึงหลังจากการสอบสวนเมื่อปี 2017 แต่ตอนนี้ถึงเวลาสำหรับการเปลี่ยนแปลงแล้ว”
ด้าน เบรนตัน ทาร์แรนต์ (Brenton Tarrant) ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุโศกนาฏกรรมที่มัสยิดในเมืองไครสต์เชิร์ชชาวออสเตรเลียวัย 28 ปี ได้ขึ้นให้การในศาลแขวงไครสต์เชิร์ชด้วยข้อหาก่อเหตุฆาตกรรมเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ หลังบุกไปที่มัสยิดทั้งสองแห่งในเมืองไครสต์เชิร์ชแล้วกราดยิงประชาชนพร้อมถ่ายทอดสดผ่านไลฟ์สตรีม
มีการเปิดเผยว่ากฎหมายการถือครองอาวุธปืนในนิวซีแลนด์ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่ปี 1992 หรือเมื่อประมาณ 27 ปีที่แล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีการแก้กฎหมายในปี 1983 หลังเกิดเหตุสังหารหมู่ที่มีผู้เสียชีวิตมากถึง 13 ราย
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: