วันนี้ (27 ธันวาคม) พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และ เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ขอมอบของขวัญปีใหม่ของกระทรวงการคลัง พ.ศ. 2568 เพื่อเป็นการส่งความสุขให้แก่ประชาชนทุกกลุ่มอย่างทั่วถึง ดังนี้
Easy e-Receipt 2.0
ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสามารถนำค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าและบริการตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม – 28 กุมภาพันธ์ 2568 ได้สูงสุด 50,000 บาท โดยนำ e-Tax Invoice เต็มรูปแบบ และ e-Receipt มาใช้ลดหย่อนภาษีสำหรับปีภาษี 2568 ได้
- ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30,000 บาท สำหรับสินค้าและบริการทั่วไป (ยกเว้นสุรา, ยาสูบ, น้ำมัน, ก๊าซ, รถยนต์และจักรยานยนต์, ค่าสาธารณูปโภค, ค่าเบี้ยประกัน, ค่าบริการนำเที่ยว/ค่าที่พัก)
- ลดหย่อนภาษีได้เพิ่มอีกไม่เกิน 20,000 บาท สำหรับค่าซื้อสินค้า OTOP, สินค้าหรือบริการของวิสาหกิจชุมชน และสินค้าหรือบริการของวิสาหกิจเพื่อสังคม
โครงการ ‘คุณสู้ เราช่วย’
- มาตรการที่ 1 ‘จ่ายตรง คงทรัพย์’ ช่วยเหลือในการปรับโครงสร้างหนี้สำหรับลูกหนี้สินเชื่อบ้าน รถ และ SMEs ขนาดเล็ก ที่มีวงเงินไม่สูงมาก แบบลดค่างวดและพักภาระดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยค่างวดที่จ่ายจะนำไปตัดชำระเงินต้นทั้งหมด ขณะที่ดอกเบี้ยที่พักไว้ตลอดระยะเวลา 3 ปี จะได้รับการยกเว้น หากลูกหนี้สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขได้ตลอดระยะเวลาของมาตรการ (ชำระเงินตรงเวลาและไม่ทำสัญญาสินเชื่อเพิ่มเติมในช่วง 12 เดือนแรกของการเข้าโครงการ) ซึ่งจะช่วยบรรเทาภาระหนี้ให้ลูกหนี้มีสภาพคล่องเหลือสำหรับดำรงชีพเพิ่มเติมและช่วยให้ภาระหนี้โดยรวมของลูกหนี้ลดลง
- มาตรการที่ 2 ‘จ่าย ปิด จบ’ ช่วยลดภาระหนี้ให้แก่ลูกหนี้บุคคลธรรมดาที่เป็นหนี้เสีย (สถานะ NPL) แต่มียอดคงค้างหนี้ไม่เกิน 5,000 บาท โดยลูกหนี้จะต้องเข้ามาเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้ เพื่อชำระหนี้บางส่วน ซึ่งจะทำให้ลูกหนี้รายย่อยที่มีหนี้เสียและยอดหนี้ไม่สูงสามารถเปลี่ยนสถานะการเป็นหนี้จาก ‘หนี้เสีย’ เป็น ‘ปิดจบหนี้’ และเริ่มต้นใหม่ได้เร็วขึ้น
- มาตรการที่ 3 ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางของ SFIs ช่วยลดภาระหนี้ให้แก่ลูกหนี้กลุ่มเปราะบางของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร, ธนาคารออมสิน, ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ผ่านการลดดอกเบี้ย ให้สินเชื่อใหม่ดอกเบี้ยต่ำ และให้รางวัลกับลูกหนี้ที่มีประวัติการชำระดี รวมถึงการพักชำระเงินต้นและการไม่คิดดอกเบี้ยสำหรับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ
- มาตรการที่ 4 ช่วยเหลือลูกหนี้ของผู้ประกอบการ Non-Bank ช่วยลดภาระหนี้ให้แก่ลูกหนี้กลุ่มเปราะบางของผู้ประกอบการ Non-Bank ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางที่มีหนี้ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีการคิดอัตราดอกเบี้ยสูง โดยจะช่วยเหลือลดภาระการชำระหนี้ผ่านการลดภาระผ่อนชำระ 3 ปี เหลือ 70% และลดดอกเบี้ยลง 10% (เช่น จากเดิมดอกเบี้ย 25% ต่อปี จะลดเหลือ 15% ต่อปี) ตลอดระยะเวลา 3 ปี และได้รับการปรับโครงสร้างหนี้ผ่อนปรน ทั้งนี้ หากลูกหนี้มีสถานะเป็น NPL และมียอดคงค้างไม่เกิน 5,000 บาท สามารถเปลี่ยนสถานะเป็นปิดจบหนี้ได้
บรรเทาค่าใช้จ่ายผู้สูงอายุผ่านโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ
ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 จำนวน 4 ล้านคน ที่มีเงินได้ไม่เกิน 840,000 บาทต่อปี และเงินฝากไม่เกิน 500,000 บาท จะได้รับเงินจำนวน 10,000 บาท ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ
การลดภาษีสถานบริการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการและสนับสนุนการจ้างงาน
ในปี 2568 สถานบริการทั่วประเทศจะได้รับการลดอัตราภาษีสรรพสามิตจาก 10% เป็น 5% ของรายรับ เพื่อช่วยเหลือและส่งเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ และกระตุ้นการท่องเที่ยวและการจ้างงานในพื้นที่
โครงการช่วยเหลือชาวนา ‘ไร่ละพัน’
เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร จะได้รับเงินไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 10 ไร่ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและลดค่าใช้จ่ายในการเพาะปลูกข้าว ส่งเสริมให้การผลิตข้าวมีความคุ้มค่าและเพิ่มผลกำไร โดยเกษตรกรสามารถตรวจสอบการโอนเงินได้ผ่านแอป BAAC Mobile ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรตลอด 24 ชั่วโมง โดยจะเริ่มโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรในแต่ละพื้นที่ ดังนี้
- พื้นที่ภาคเหนือ วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม 2567
- พื้นที่ภาคกลางและตะวันออก วันอังคารที่ 17 ธันวาคม 2567
- พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน วันพุธที่ 18 ธันวาคม 2567
- พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม 2567
- พื้นที่ภาคตะวันตกและภาคใต้ วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2567
นอกจากนี้ สถาบันการเงินเฉพาะกิจทุกแห่งในสังกัดกระทรวงการคลังยังร่วมมอบของขวัญปีใหม่อีกมากมายให้แก่ประชาชน เช่น
- ธนาคารออมสิน มอบเงินรายละ 1,000 บาท ให้แก่ลูกหนี้ดี มีวินัย ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 200,000 บาท มีประวัติการชำระหนี้ดีไม่น้อยกว่า 3 ปีติดต่อกัน และมีสถานะบัญชีปกติ
- ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร มอบโครงการสินเชื่อแทนคุณ สำหรับทายาทเกษตรกรที่ประกอบอาชีพต่อจากครอบครัว จะได้รับดอกเบี้ยพิเศษ ยกเว้นค่าธรรมเนียม รวมถึงลดเบี้ยปรับค้างรับ
- ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ให้กำลังใจแก่ลูกค้าวงเงินกู้ไม่เกิน 2,000,000 บาท ที่มีประวัติผ่อนดีไม่น้อยกว่า 4 ปี และมีสถานะบัญชีปกติ จะได้รับเงินคืนรายละ 1,000 บาท
- ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย มอบดอกเบี้ยพิเศษ 3.5% ต่อปีใน 2 ปีแรก สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการขยายกำลังการผลิต ต่อเติม ซื้อเครื่องจักร ติดตั้งระบบโซลาร์ หรือยกระดับการทำงานด้าน ESG โดยให้วงเงินกู้สูงสุด 40,000,000 บาท ระยะเวลากู้สูงสุด 10 ปี
- ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย มอบส่วนลดค่าวิเคราะห์โครงการ ล้านละ 5,000 บาท เมื่อยื่นขอกู้ 1,000,000 บาทขึ้นไป ระหว่างวันที่ 2 มกราคม – 28 กุมภาพันธ์ 2568 และได้รับการอนุมัติภายในวันที่ 31 มีนาคม 2568
- ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย มอบอัตรากำไรพิเศษ 1.63 ต่อปีในครึ่งปีแรก สำหรับสินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ ‘ไอแบงก์รับจบ’ โดยให้ผ่อนนานสูงสุด 35 ปี สำหรับไถ่ถอนที่อยู่อาศัยหรือไถ่ถอนสินเชื่ออเนกประสงค์ ภายในวันที่ 31 มกราคม 2568
- บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม มอบของขวัญฟรีค่าดำเนินการค้ำประกันแก่ลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 11 ระหว่างวันที่ 1-31 มกราคม 2568 และขยายเวลาโครงการ ‘หนี้ลด หมดเร็ว ปลดหนี้’ ไปถึงสิ้นปี 2568 พร้อมเงื่อนไขผ่อนปรนมากขึ้น เช่น กลุ่มเปราะบางที่มียอดเงินต้นไม่เกิน 200,000 บาท จะได้รับอัตราดอกเบี้ย 0% ผ่อนสูงสุดได้ 80 เดือน ค่างวดขั้นต่ำ 500 บาท และปลดหนี้ลดเงินต้น 30% เมื่อจ่ายต่อเนื่อง 6 งวด
ทั้งนี้ โฆษกกระทรวงการคลังกล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินการของกระทรวงการคลังและสถาบันการเงินเฉพาะกิจในสังกัดกระทรวงการคลัง นอกจากจะช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายและสร้างความสุขให้กับประชาชน ยังจะเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในปีใหม่ พ.ศ. 2568 ที่กำลังจะมาถึงนี้