นับจากนาทีนี้ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร กลายเป็น ‘หัวหน้าพรรคเพื่อไทยเต็มตัว’ และเป็นบุตรสาวซึ่งเป็นทายาททางสายเลือดโดยตรงที่เจริญรอยตามบิดา ทักษิณ ชินวัตร ผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เข้าสู่สนามการเมืองอย่างเต็มตัว
หัวหน้าพรรคคือตัวแทนอย่างเป็นทางการของพรรคการเมือง หรืออีกนัยหนึ่งคือผู้ควบคุมกลไกการทำงานของพรรคทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ รวมถึงอาจเป็นแหล่งทุนสำคัญของพรรคด้วย
นับตั้งแต่ที่พรรคไทยรักไทยก็ถูกยุบ และต่อมาก็คือพรรคพลังประชาชนถูกยุบ จนมาถึงปี 2550 ก่อกำเนิดพรรคเพื่อไทย และผ่านการเปลี่ยนผู้นำมาแล้วถึง 7 คน โดยล่าสุดหัวหน้าพรรคคนที่ 8 กลับมาอยู่ภายใต้การนำของตระกูลชินวัตรอีกครั้งหนึ่ง
ตระกูลชินวัตรที่ในแง่ของการก่อตั้งคือ ‘ผู้ให้กำเนิด’ แต่ในแง่ของผู้นำทางจิตวิญญาณ มีตัวแทนคนชินวัตรถึง 4 คนเข้ามาสังกัดพรรค และทะยานโลดแล่นไปยังจุดสูงสุดของวงการการเมืองไทยด้วยกันถึง 3 คน
ทักษิณ ชินวัตร, สมชาย วงศ์สวัสดิ์ และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต่างก็ผ่านตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาแล้วทั้งสิ้น ทำให้หลายฝ่ายเพ่งเล็งไปยังตัวแทนของตระกูลชินวัตรคนที่ 4 ว่าจะพุ่งไปสู่ยอดของพีระมิด ครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้เช่นเดียวกับคนอื่นๆ หรือไม่
เนื่องจากการเข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคของแพทองธารเกิดขึ้นในช่วงที่พรรคเพื่อไทยพ่ายแพ้การเลือกตั้งเป็นครั้งแรกในรอบ 22 ปี โดยแพ้ให้กับพรรคก้าวไกล ตกมาเป็นพรรคอันดับ 2 ด้วยจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) 141 เสียง
เริ่มปฐมบท หัวโขนที่ 1
เสียงฮือฮาเกิดขึ้นทันทีเมื่อแพทองธารปรากฏตัวที่งาน ‘พรุ่งนี้เพื่อไทย: เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน’ จังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2564 เพื่อรับตำแหน่งประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย
บุตรสาวคนเล็กของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ผู้ซึ่งสร้างปรากฏการณ์ได้รับการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย และได้รับความไว้วางใจให้เป็นนายกรัฐมนตรีถึง 2 สมัย ขึ้นกล่าวพร้อมเอ่ยถึงคุณพ่อให้สาธารณชนรับทราบว่า
“ดิฉันค่อนข้างโชคดีที่ได้ใกล้ชิดกับคุณพ่อ เพราะช่วงที่เกิดมาเป็นช่วงที่คุณพ่อประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานแล้วและมีเวลาให้มากกว่าพี่ๆ เมื่อท่านไปอยู่ต่างประเทศก็มีเวลาไปหาบ่อยๆ ทุกเดือนหรือแทบจะเดือนเว้นเดือน จึงบอกกับตัวเองว่า ความรู้และโอกาสที่มีมานั้นอยากเข้ามามีส่วนร่วมกับพรรคเพื่อไทย เพื่อผลักดันคนรุ่นใหม่ให้มีโอกาส มีความหวัง และทำความฝันให้เป็นจริง”
แพทองธารกล่าวด้วยว่า “ในฐานะลูกของคุณพ่อ ไม่เคยลืมบุญคุณแผ่นดินไทย ไม่เคยลืมพี่น้องคนไทยที่ไม่เคยลืมท่าน และท่านปรารถนาอย่างมากที่จะได้กลับมากราบแผ่นดินไทยอีกครั้ง”
กระแสคนสนับสนุนพรรคเพื่อไทยกลับมาลุกโชนอีกครั้ง แต่ยังคงมีคำถามถึงความชัดเจนว่า แพทองธารจะมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยหรือไม่
แม้คำตอบ ณ เวลานั้นของแพทองธารคือ ขอตั้งใจทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด อย่างอื่นรอไว้ก่อน ให้เป็นเรื่องของอนาคตไป แต่ก็นับเป็นสัญญาณที่ปูทางรอวันที่แพทองธารจะได้เบ่งบาน พร้อมสร้างประวัติศาสตร์ กลายเป็น ‘ไพ่เด็ดแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี’ อย่างที่พรรคเคยสร้างปรากฏการณ์ผลักดัน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก ซึ่งใช้เวลาเพียง 49 วัน
5 เดือนพิสูจน์ตัวตน เพิ่มบทสถานะที่ 2
จากวันเปิดตัวเข้ามาทำงานกับพรรคเพื่อไทย กระทั่งช่วงต้นปี 2565 พรรคเพื่อไทยเพิ่มบทบาทให้แพทองธารจากการเข้าร่วมการประชุม สส. พรรค ในฐานะผู้สังเกตการณ์
อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทยในขณะนั้น โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “ประชุมพรรคเพื่อไทยวันนี้บรรยากาศสดใส คุณอุ๊งอิ๊ง ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม เข้าร่วมประชุมเพื่อรับฟังเสียงของ สส. ในทุกภาค”
ก่อนจะมีกิจกรรมแรกที่นำโดยแพทองธาร จัดเวิร์กช็อปหัวข้อ ‘คิด-เปลี่ยน-โลก สร้างโลกที่ดีกว่าและแก้ปัญหาด้วยความคิดเชิงนวัตกรรม’ ระดมความคิดเพื่อนำไปปรับใช้แก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน โดยมีคณะกรรมการบริหารพรรค สส. และสมาชิกจำนวนมาก เข้ารับฟัง
ต่อมากับกิจกรรมร่วมกับ สส.หญิงของพรรค เนื่องในวันสตรีสากล และอีกมากมายที่ทำให้แพทองธารเริ่มขยับเข้ามาอยู่ในพื้นที่สื่อ
วันที่ 20 มีนาคม 2565 พรรคเพื่อไทยเพิ่มสถานะที่ 2 ให้แพทองธารทำหน้าที่ ‘หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย’ ตำแหน่งที่มีนิยามว่าเป็นการประสานความร่วมมือระหว่าง สส. เพื่อไทย กับประชาชนที่ไม่พร้อมเป็นสมาชิกพรรค ให้สามารถเข้าร่วมได้ในฐานะครอบครัวเพื่อไทย
แต่เมื่อถามย้ำถึงตำแหน่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย แพทองธารระบุเพียงสั้นๆ ว่า “ต้องรอยุบสภาก่อน เดี๋ยวว่ากัน”
มอบสปอตไลต์ดวงใหม่ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
ความเคลื่อนไหวของทักษิณส่งผลกระทบต่อความชัดเจนของแพทองธารมากขึ้นเรื่อยๆ ในคลับเฮาส์ ‘CARE คิด เคลื่อน ไทย’ หลายครั้งที่มีการเอ่ยถึงแพทองธาร
“อิ๊งมาหาผมที่สิงคโปร์ อิ๊งบอกว่า พ่อเราจะใช้เทคโนโลยีและทริกนิดหนึ่ง เราจะดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าไทยได้เท่าตัวเลย”
และบอกว่า “เด็กรุ่นใหม่เขาพูดเรื่องเทคโนโลยี ผมก็ว่าใช่ เป็นไปได้ ที่น้องอิ๊งมาปรึกษา เขาใช้ความคิดเด็กรุ่นใหม่ เทคโนโลยีต่างๆ ผมฟังแล้วเข้าท่า”
กระทั่งวันที่ 5 เมษายน 2566 พรรคเพื่อไทยเปิดปราศรัยใหญ่ คลี่รายละเอียดนโยบายชุดใหญ่ รวมถึงเผยโฉมแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 คนของพรรค ประกอบด้วย
- แพทองธาร ชินวัตร วัย 37 ปี
- เศรษฐา ทวีสิน วัย 60 ปี
- ชัยเกษม นิติสิริ วัย 74 ปี
จากตำแหน่งเดิมที่พรรคมอบให้ เพิ่มความเข้มข้นไปอีกระดับด้วยการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย แม้จะเป็น 1 ใน 3 รายชื่อ แต่ปรากฏการณ์ของยิ่งลักษณ์ยังตราตรึง นามสกุลชินวัตรก็เป็นตัวชูโรงให้สปอตไลต์ส่องมายังแพทองธารอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
วันที่ 19 กรกฎาคม 2566 การเสนอชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีรอบที่ 2 ถูกตีตกไป เพราะที่ประชุมรัฐสภามองว่า การเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีเป็นญัตติ ทำให้เสนอชื่อซ้ำไม่ได้ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจึงตกมาที่พรรคอันดับ 2 อย่างพรรคเพื่อไทย พร้อมโจทย์ที่ว่าจะหานายกรัฐมนตรีคนไหนไปเสนอ เพื่อให้ได้รับการยอมรับจากรัฐสภาทั้งสภา
การจะมีนายกรัฐมนตรีชื่อ แพทองธาร ชินวัตร ณ ขณะนั้นอาจมีข้อครหาถึงผลประโยชน์ทับซ้อนในกรณีการเดินทางกลับไทยของ ทักษิณ ชินวัตร เพื่อกลับมาเลี้ยงหลานและรับโทษที่มีอยู่ แม้แพทองธารจะออกมาให้สัมภาษณ์บ่อยครั้งว่า “การเดินทางกลับไทยของคุณพ่อไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย”
แต่โจทย์ใหญ่ที่ทำให้ต้องถอยคือด่านของครอบครัว โดยเฉพาะ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ผู้เป็นมารดา ที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า อยากให้แพทองธารอายุมากกว่านี้ก่อน การกระโดดเข้าวงการการเมืองและนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีในขณะนี้อาจจะยังไม่เหมาะ อยากให้รออีกสักหน่อย
นายกรัฐมนตรีเงา นายกรัฐมนตรีสองคน
การเข้ามาดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการถึงสองชุด
1 คือ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เสริมความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจให้รัฐบาล ทำให้บทบาทของแพทองธารเด่นชัดขึ้นมาทันทีเมื่อต้องเข้ามาทำงานในทำเนียบรัฐบาล ศูนย์กลางของการบริหารประเทศ
ภาพเดินคู่มาพร้อมกับ เศรษฐา ทวีสิน ใส่ชุดผ้าไทย ปรากฏตามหน้าหนังสือพิมพ์ ฟีดต่างๆ ตามโซเชียลมีเดียและจอโทรทัศน์ ดูไปดูมาก็ยิ่งคล้ายกับ นิยาม ‘นายกรัฐมนตรีเงา’ เข้าไปทุกที
2 คือ แพทองธารได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองประธานพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ ยกระดับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค นโยบายใหญ่ นโยบายระดับชาติ เกือบทุกนโยบายเริ่มต้องมีชื่อ แพทองธาร ชินวัตร เข้ามาประกบ จนเกิดกระแสวิจารณ์ว่าเป็นเหมือนคณะรัฐมนตรีเงา คอยกำกับการทำงานของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดปัจจุบัน
แม้กระทั่งเศรษฐาเองยังหลุดปากแซวเมื่อออกงานคู่กับแพทองธารว่า “นายกรัฐมนตรีคนไหน มีสองคนนะ”
ผู้นำคนใหม่ พร้อมลบคำสบประมาทด้วยผลงาน
“จากการเลือกตั้งที่ผ่านมา ทำให้พรรคเพื่อไทยต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ ทีมกรรมการบริหารชุดใหม่จะต้องทบทวนถอดบทเรียนจากการเลือกตั้ง เพื่อทำให้พรรคเพื่อไทยกลับไปเป็นพรรคอันดับหนึ่งอีกครั้ง”
นี่คือช่วงหนึ่งของการกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ของแพทองธาร เมื่อพรรคมีมติ 289 เสียงเลือก แพทองธาร ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม น้ำเสียงอันทรงพลังและหนักแน่นสะท้อนไปถึงผู้ฟังอย่างชัดเจน ถึงความมุ่งมั่นที่จะลบคำสบประมาทด้วยผลงาน ความตั้งใจทำนโยบายที่สัญญากับประชาชนให้เป็นจริง
โดยเฉพาะโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่ถูกวิจารณ์อย่างหนัก ความศรัทธาที่หายไปในช่วงฉีก MOU กับพรรคก้าวไกล การจับมือกับพรรคสองลุงตั้งรัฐบาล รวมถึงมาตรฐานกระบวนการยุติธรรมและการคุมขังในโรงพยาบาลตำรวจของ ทักษิณ ชินวัตร
ล้วนเป็นสิ่งที่คณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ของพรรคเพื่อไทยต้องเผชิญ
แต่ส่วนผสมของคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็น สรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรค รวมถึงคนดังบนโลกโซเชียลอย่าง จิราพร สินธุไพร ที่เข้ามาร่วมอย่างที่ ภูมิธรรม เวชยชัย อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย บอกว่า เป็นการเปิดโอกาสให้คนรุ่นกลางและคนรุ่นใหม่เข้ามาแสดงฝีมือ ทำให้อดมองไม่ได้ว่า การปรับทัพดึงคนรุ่นใหม่เข้ามาทำหน้าที่ครั้งนี้จะเป็นการเปิดศึกสู้กับพรรคก้าวไกลโดยตรง
ต้องรุกโซเชียลมีเดียเหมือนอย่างที่ก้าวไกลทำแล้วประสบความสำเร็จ ดึงคะแนนที่เสียไปให้กลับมา
ถนนทุกสายมุ่งสู่นายกรัฐมนตรีคนถัดไป
แม้ว่าแพทองธารจะยังไม่ออกปากชัดเจน แต่ทุกสิ่งที่ปรากฏอยู่ในขณะนี้แสดงให้เห็นแล้วว่า ถนนทุกสาย ตำแหน่งทุกตำแหน่ง ณ ปัจจุบัน ปูทางเพื่อรอนายกรัฐมนตรีคนถัดไปที่มีชื่อว่า ‘แพทองธาร ชินวัตร’
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีของพรรคคนปัจจุบัน ก็ยังกล่าวด้วยว่า แพทองธารเป็นนายกรัฐมนตรีต่อได้สบายๆ