ทีมวิจัยจากสถาบันเพื่อการศึกษาประชากรและการพัฒนาแห่งมหาวิทยาลัยซีอาน เจียวทง ของจีน เผยแพร่ผลการศึกษาวิจัยล่าสุดในวารสารการเงินและเศรษฐกิจของมหาวิทยาลัยซีอาน เตือนประชากรจีนอาจลดลงกว่าครึ่งภายในอีก 45 ปีข้างหน้า ซึ่งเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก
ผลการวิจัยดังกล่าวอ้างอิงข้อมูลอัตราการเกิดของจีนในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีเด็กเกิดใหม่ 1.3 คน ต่อผู้หญิง 1 คน ต่ำกว่าตัวเลขที่เหมาะสมคือ 2 คน ต่อผู้หญิง 1 คน
ซึ่งข้อมูลดังกล่าวมาจากการสำรวจสำมะโนประชากรล่าสุด ที่รวบรวมข้อมูลโดยใช้อุปกรณ์ดิจิทัลเป็นครั้งแรก ทำให้เชื่อได้ว่ามีความแม่นยำมากที่สุด อีกทั้งยังมีการตรวจสอบเทียบกับชุดข้อมูลอื่นๆ ของรัฐบาล
โดยทีมวิจัยชี้ว่า แม้ว่าทางการจีนจะเปิดเผยรายละเอียดผลสำรวจสำมะโนประชากรต่อสาธารณชนเพียงบางส่วน แต่ข้อมูลที่ได้ก็ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงและแนวโน้มประชากรที่ลดลงในอนาคต
ปัจจุบันจีนมีประชากรมากกว่า 1.4 พันล้านคน ซึ่งในปี 2019 องค์การสหประชาชาติเคยคาดการณ์ไว้ว่า จีนจะมีประชากรลดลงอยู่ที่ราว 1.3 พันล้านคน ภายในปี 2065
ทั้งนี้ สถานการณ์ระบาดของโควิดยังอาจส่งผลกระทบต่ออัตราการเกิดของจีนในปีที่แล้ว ขณะที่ทีมวิจัยชี้ว่าโอกาสที่อัตราการเกิดจะเพิ่มขึ้นนั้นค่อนข้างต่ำ และมีแนวโน้มว่าจำนวนประชากรจีนโดยรวมจะเริ่มลดลงอย่างรวดเร็วในไม่ช้า เนื่องจากประชากรผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์นั้นค่อยๆ ลดน้อยลง
“หากอัตราการเจริญพันธุ์ลดลงเหลือ 1 ภายในอีก 29 ปี ประชากรในประเทศของเราจะลดลงครึ่งหนึ่ง” เนื้อหาวิจัยระบุ
จากข้อมูลสำมะโนประชากรล่าสุดของจีนยังพบว่า ประชากรเด็กของจีนมีจำนวนประมาณ 17% ของประชากรทั้งประเทศ ขณะที่สัดส่วนของประชากรที่อายุมากกว่า 60 ปีนั้นมีมากกว่า 18% ซึ่งเป็นครั้งแรกที่จีนมีประชากรผู้สูงอายุมากกว่าเด็ก
“ผู้คนไม่กล้ามีลูกเนื่องจากแรงกดดันทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังขาดแคลนการสนับสนุนในการคลอดบุตรและการดูแลบุตรด้วย” ทีมวิจัยกล่าว
ทั้งนี้ เมื่อช่วงต้นปี รัฐบาลจีนได้เริ่มผ่อนคลายนโยบายควบคุมจำนวนประชากร โดยอนุญาตให้แต่ละครอบครัวมีลูกได้ 3 คน แต่ผลการศึกษาวิจัยหลายฉบับชี้ว่า ปัจจัยทางเศรษฐกิจ เช่น ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่สูงขึ้น เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้อัตราการเกิดนั้นลดลง
ขณะที่รัฐบาลจีนมีความพยายามดำเนินนโยบายเพื่อควบคุมราคาอสังหาริมทรัพย์และลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน เช่น ค่าเล่าเรียน ตลอดจนเพิ่มจำนวนโรงเรียนอนุบาลรองรับเด็กเกิดใหม่ แต่ผลวิจัยชี้ว่ายังจำเป็นต้องมีมาตรการอื่นๆ ที่ช่วยจูงใจในการมีลูก
ภาพ: Photo by Kevin Frayer/Getty Images
อ้างอิง:
