×

เคลียร์ใจรอบ ​2 สั่ง​พิสูจน์เขตแดนใหม่ทั่วประเทศ ตกลงไม่ได้โยน One Map ชี้ขาด ส.ป.ก. บอกที่ผ่านมาช่างหัวมัน ส่วนชัยวัฒน์ชี้ เรื่องนี้ต้องมีคนผิด

โดย THE STANDARD TEAM
04.03.2024
  • LOADING...

วันนี้ (4 มีนาคม) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการหารือข้อพิพาทกรณีการออกเอกสาร​สิทธิ์​ ที่ดิน ส.ป.ก.​ 4-01 ตำบลหมูสี​ อำเภอปากช่อง​ จังหวัดนครราชสีมา ระหว่างกระทรวง​ทรัพยากรธรรมชาติ​และ​สิ่ง​แวดล้อม​ และกระทรวง​เกษตร​และสหกรณ์​ ซึ่งใช้เวลาประมาณ​ 1 ชั่วโมง​ ได้มีการแถลงข่าวร่วมกันระหว่าง​ 2 หน่วยงาน​

 

จตุพร​ บุรุษ​พัฒน์​ ปลัด​กระทรวง​ทรัพยากร​ธรรมชาติ​และ​สิ่ง​แวดล้อม​ กล่าวว่า​ การประชุมวันนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทุกคนต่างให้ข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ ซึ่งทั้ง 2 กระทรวงมีเป้าหมายทำงานเพื่อประชาชน วันนี้เราเอาข้อเท็จจริงมาพูดคุยกันทั้งหมด รวมถึงการวางแนวทางการทำงานร่วมกัน​ นอกจากนี้ทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ​และ​สิ่ง​แวดล้อมได้เสนอไปยังกระทรวง​เกษตร​และสหกรณ์ว่า จากนี้ไปการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินทำกิน สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) จะต้องมีคณะกรรมการ​จาก​ 9 หน่วยงาน​ ไปร่วมรับรองแนวเขตด้วย​ และมีพื้นที่ที่เป็นคอร์ริดอร์หรือแนวกันชน​ หรือพื้นที่รอยต่อ จะต้องมีการอนุรักษ์ไว้สำหรับสัตว์ป่า ซึ่งถือเป็นนโยบายของรัฐบาลที่เป็นข้อตกลงหรือ MOU ร่วมกันระหว่าง 2 กระทรวง

 

รอ สคทช. เคาะ One Map ภายใน 2 เดือน

 

ขณะที่ ประยูร​ อินสกุล​ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์​ กล่าวยืนยันว่า​ พื้นที่กันชนจะไม่มีการนำมาจัดสรรเป็นที่ดินทำกินให้ประชาชน​ สำหรับพื้นที่บริเวณปัญหาพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่​ จังหวัดนครราชสีมาและปราจีนบุรี​ จะรอให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) ​จัดทำ​ One Map ให้แล้วเสร็จ และจนกว่าจะได้ข้อยุติใน​ 2 เดือนนี้​ โดยหากคณะกรรมการชุดดังกล่าวได้ข้อสรุปอย่างไร ทั้ง 2 กระทรวงจะยึดตามนั้น​ และหากพื้นที่ของ ส.ป.ก. เป็นพื้นที่ที่มีประโยชน์ต่อการอนุรักษ์ป่า หรือเป็นที่อยู่ของสัตว์ป่า จะเว้นไว้ทำเป็นป่าชุมชน​ ไม่ให้มีการจัดสรรที่ดินดังกล่าวให้กับเกษตรกร​

 

ปลัดกระทรวงเกษตร​และสหกรณ์ยังกล่าวด้วยว่า การพิสูจน์เกษตรกรที่ได้รับการจัดสรรที่ดินไปแล้วก่อนหน้านี้ มีการแต่งตั้งคณะกรรมการระดับเขตและระดับจังหวัด เพื่อตรวจสอบหากไม่ใช่เกษตรกรตัวจริงจะต้องดำเนินการยกเลิกเอกสารสิทธิ์ดังกล่าว และให้ดำเนินการทางวินัยกับข้าราชการที่ออกเอกสารสิทธิ์ที่ไม่ใช่เกษตรกร พร้อมยืนยันว่าพื้นที่ใดที่เป็นอุปสรรคหรือมีปัญหาเรื่องการทับซ้อน จะมีการส่งเรื่องไปยัง สคทช. โดยใช้ One Map เป็นตัวตัดสิน

 

30 วัน พิสูจน์ที่ดินพิพาท 2 หน่วยงาน

 

ด้าน อรรถพล​ เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า ตนได้คุยกับเลขาธิการ ส.ป.ก. แล้ว จะมีการกำหนดทีมงานเพื่อทำงานร่วมกัน โดยมีการวางกรอบระยะทำงาน 30 วันแรก ว่ามีพื้นที่ทับซ้อนตรงกันหรือไม่ ซึ่งจะทำให้ทราบว่าทั้งประเทศมีพื้นที่ใดบ้างที่ไม่ตรงกัน​ ซึ่งภายใน 1 เดือนนี้ พื้นที่ใดไม่มีปัญหาเรื่องการทับซ้อนก็จะสามารถส่งเรื่องให้คณะกรรมการ One Map

 

ตั้ง 9 หน่วยงานตรวจสอบออกที่ดิน ส.ป.ก. ถูกที่ถูกทาง

 

วิณะโรจน์​ ทรัพย์ส่งสุข​ เลขาธิการ ส.ป.ก.​ กล่าวว่า​ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์​ที่ผ่านมา ตนได้มีหนังสือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ แต่งตั้งคณะทำงานประกอบด้วย 9 หน่วยงาน โดยให้คณะทำงานช่วยดูว่าการออกเอกสารสิทธิ์ของ ส.ป.ก. ทับซ้อนหรือไม่​ หรือรุกล้ำหน่วยงานใดหรือไม่ เพื่อให้ยืนยันว่า ส.ป.ก. ออกเอกสารสิทธิ์ถูกที่​ ถูกทาง ไม่ไปล้ำที่ป่าไม้ หรือสถานที่สำคัญของหลวง​ ยืนยันว่าจากนี้พื้นที่ตรงไหนที่มีปัญหาทับซ้อนกันเราจะไม่ทะเลาะกัน จะส่งเรื่องให้คณะกรรมการ One Map และหากพื้นที่ใดเข้าใกล้พื้นที่กันชน อยากให้แจ้งผ่านกรมอุทยานฯ มายัง ส.ป.ก. เพราะก่อนหน้านี้ต่างคนต่างทำงาน​ และต่อจากนี้จะทำงานใกล้ชิดกันมากขึ้น​

 

ที่ผ่านมาช่างมัน ขอต่างคนต่างทำงาน

 

“อดีตที่ผ่านมาก็ช่างหัวมัน​ เพราะสุดท้ายต่างคนก็ต่างทำหน้าที่ เพราะสุดท้ายพี่ (ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร) ​ก็ต้องทำงานให้ชาวบ้าน​ ผมก็ต้องทำงานให้ชาวบ้าน เพียงแต่ว่าเจตนารมณ์ของแต่ละหน่วยงานมีมิติการทำงานไม่ตรงกัน​ พี่ชัยวัฒน์​มีหน้าที่อนุรักษ์​ ส่วนผมก็มีหน้าที่​หาที่ดินให้คน​ ผมก็ต้องทำตามหน้าที่​ ซึ่งวันนี้ก็ต้องมาคุยกัน” เลขาธิการ ส.ป.ก. กล่าว

 

เลขาธิการ ส.ป.ก. กล่าวว่า ไม่ต้องกังวลเรื่องเอกสารสิทธิ์ ส.ป.ก. ที่ได้ออกไปแล้ว ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการคุยกันของรัฐ และหากที่สุดแล้วมีมติออกมาเป็นอย่างไร ประชาชนที่ได้รับผลกระทบรัฐจะเยียวยาให้แน่นอน ซึ่งพื้นที่ที่มีปัญหาส่วนใหญ่จะเป็นแนวตะเข็บรอยต่อ คณะกรรมการ One Map จะรับผิดชอบดูแล แต่ตอนนี้อะไรที่ยังไม่ชัดเจนขอให้ใช้ชีวิตตามปกติสุขไป

 

สำหรับเรื่องคดีความที่ 2 หน่วยงานแจ้งความดำเนินคดีไว้นั้น ปลัด​กระทรวงทรัพยากร​ธรรมชาติ​และ​สิ่ง​แวดล้อม ระบุว่า ทั้ง 2 หน่วยงานตกลงกันว่าจะให้ดำเนินการตรวจสอบแนวเขตให้เสร็จสิ้นภายใน 2 เดือน ส่วนคดีความตนจะรับผิดชอบเอง ดังนั้นจึงไม่มีปัญหา ขอให้ทุกอย่างดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ให้รอข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และหลักวิทยาศาสตร์ หลังจาก One Map ชี้ขาดเส้นแนวเขตแล้ว เรื่องคดีค่อยมาพูดคุยกัน

 

พื้นที่ทับซ้อนตกลงกันไม่ได้ ให้คณะกรรมการ One Map ชี้ขาด

 

ส่วนแนวเส้นระหว่างอุทยานฯ และ ส.ป.ก. ในพื้นที่ทับซ้อนที่ทั้ง 2 หน่วยงานจะเข้าไปตรวจสอบนั้นจะใช้วิธีการตรวจสอบจาก Field Book ของทั้ง 2 หน่วยงานมาเปรียบเทียบกัน หากมีพื้นที่ทับซ้อนก็จะต้องพูดคุยตกลงกันว่าจะยกพื้นที่นั้นให้ใครดูแล หากตกลงกันได้ก็จะดำเนินการต่อทันที แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็จะส่งให้คณะกรรมการ One Map เป็นผู้ชี้ขาด

 

คาด One Map ครบ 77 จังหวัด ปีงบ 68

 

ด้าน ว่าที่ร้อยตรี พีรพล มั่นจิตต์ ตัวแทน สคทช. ระบุว่า สคทช. ให้ความสำคัญกับเรื่องการแบ่งเส้นที่ดินของรัฐให้ชัดเจน แต่หากหน่วยงานผู้ปฏิบัติดำเนินการแล้วมีความขัดแย้งกัน สคทช. ก็มีอนุกรรมการตามกฎหมายช่วยเหลือเพื่อเสนอเข้าสู่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นกฎหมายออกมา ส่วนการพิสูจน์เขตแดนก็จะส่งตัวแทนเข้าไปร่วมด้วย ส่วนความคืบหน้าการทำ One Map ใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ มีการแบ่งออกเป็น 7 กลุ่ม ทำเสร็จเรียบร้อย เสนอเข้า ครม. ไปแล้ว 3 กลุ่ม และกลุ่มที่ 4 กำลังจะเข้า ส่วนกลุ่มที่ 5-7 อยู่ในปีงบประมาณ 2568

 

‘ชัยวัฒน์’ ไม่ยอมรับแผนที่ทหาร

 

ส่วนกรณีที่ชัยวัฒน์เคยประกาศว่าไม่ยอมรับแผนที่ของ One Map นั้น ชัยวัฒน์​ ลิ้มลิขิตอักษร​ ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ​ ระบุว่า สิ่งที่ตนพูดไปคือไม่ยอมรับการที่กรมแผนที่ทหารนำแผนที่ที่ตัวเองรังวัดใหม่ไปส่งให้กับคณะกรรมการ One Map แล้วคณะกรรมการ One Map ยอมรับแผนที่ดังกล่าว

 

แต่หลังจากนี้เมื่อมีการหารือกันระหว่าง 2 หน่วยงานให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการ One Map เป็นผู้ขีดเส้น หากอยู่ในพื้นที่ของใครก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายกับอีกฝ่าย ดังนั้นผลการพูดคุยวันนี้เป็นที่น่าพอใจ เพราะตนต้องการแค่ความถูกต้อง และสิ่งที่ภูมิใจมากคือการหยิบยกพื้นที่คอร์ริดอร์หากสามารถทำได้จริงจะมีพื้นที่ป่าอีกส่วนหนึ่งที่จะคืนให้ประเทศ

 

รอ ป.ป.ช. เอาผิด ‘ชัยวัฒน์’ ถอนหมุด

 

ขณะที่ ธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ที่ ส.ป.ก. ไปแจ้งความเอาผิดชัยวัฒน์ ตามพระราชบัญญัติปราบปรามการทุจริตฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้เวลาแสวงหาข้อเท็จจริง 30 วัน ก่อนส่งสำนวนให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อเอาผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 159 เนื่องจากชัยวัฒน์เข้าไปดำเนินการถอนหมุด ส.ป.ก. โดยที่เข้าใจว่าเป็นพื้นที่อุทยาน แต่ ส.ป.ก. ไปแจ้งความเอาผิดเพราะ ส.ป.ก. บอกเป็นพื้นที่ของ ส.ป.ก. ดังนั้นชัยวัฒน์จะเจตนาหรือไม่อยู่ที่ความตั้งใจ ซึ่ง ป.ป.ช. จะตรวจสอบต่อไป แต่ในระหว่าง 2 หน่วยงานได้ปรับความเข้าใจจนได้ข้อยุติแล้ว

 

จบหล่อไม่ได้ ต้องมีคนผิด

 

ขณะเดียวกัน ชัยวัฒน์ได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า เรื่องแจ้งความเป็นกฎหมายอาญา ต้องมีการพิสูจน์ และคาดการณ์ว่าเขาก็ต้องแจ้งความเรา เนื่องจากตนไปถอนหมุดเขามา หากเขาไม่แจ้งก็แสดงว่าหลักนั้นเป็นหลักเถื่อน เป็นหลักเท็จ ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายยื่นหลักฐานมาตัดสินกันไม่ได้ก็ต้องให้คณะกรรมการเป็นคนตัดสินตามหลักฐานที่มี หากตัดสินว่าเป็นพื้นที่ในเขต ส.ป.ก. ตนรับเต็มทั้งเรื่องแจ้งความเท็จหรือเรื่องอื่นๆ แต่หากอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ตนก็จะฟ้องกลับเช่นเดียวกันไม่ว่าใครที่สั่งการ

 

ชัยวัฒน์กล่าวอีกว่า วันนี้จะจบแบบหล่อๆ ไม่ได้ เพราะเหตุที่เกิดขึ้นเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เราก็พยายามที่จะสื่อสารมาโดยตลอดแต่ไม่เป็นผล วันนี้ได้ข้อยุติระดับหนึ่ง ซึ่งรออีก 2 เดือนว่าพื้นที่ตรงนี้จะเป็นของใคร ยืนยันว่าหลักฐานเรามีเพียงพอที่จะยืนยันว่าเป็นพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

 

“ที่บอกว่าจะจบแบบหล่อๆ ไม่ได้ คือจะจบแบบไม่มีใครผิดไม่ได้ งานนี้ต้องมีคนผิดเมื่อเขาไม่ผิด ผมก็ต้องผิด เพราะเราทิ้งตัวแล้ว ไม่ใช่ว่าผมจะเกษียณแล้วทิ้งตัว แต่ผมสู้มาตลอดชีวิต การจะจบโดยไม่มีใครผิดไม่ได้ ใครที่ทำหลักฐานเท็จ ใครออกโฉนดโดยมิชอบ ต้องมีคนผิด หากเขาไม่ผิด ผมก็ต้องผิด ซึ่งต้องรับผิดชอบการกระทำของตนเองอยู่แล้ว” ชัยวัฒน์กล่าว

 

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการแถลงข่าว เลขาธิการ ส.ป.ก. ได้เดินเข้าไปพูดคุยกับชัยวัฒน์เรื่องการส่ง Field Book เพื่อตรวจสอบแนวเขตระหว่าง 2 หน่วยงาน ด้วยท่าทางเป็นกันเอง และได้ยกมือไหว้กันหลังการพูดคุยอีกด้วย

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X