วันนี้ (9 กันยายน) เวลา 15.20 น. ที่พรรคภูมิใจไทย อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี พร้อมเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังการหารือในการทำงานร่วมกัน
อนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้คณะรัฐมนตรีโดยเฉพาะคนที่มาจากนอกวงการเมือง คนที่เป็นมืออาชีพเรียบร้อยแล้ว ได้มีการทำความเข้าใจกัน หารือเรื่องนโยบายที่จะต้องดำเนินการในระยะเวลาที่มีอยู่ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด กับประเทศและประชาชน ขอยืนยันว่าในรัฐบาลนี้ จะมีมืออาชีพอีกท่านหนึ่งเข้ามาช่วยงานในด้านพาณิชย์ การค้าขาย การสร้างรายได้ให้กับประเทศ ซึ่งนางศุภจี จะมาปฏิบัติหน้าที่ภายใต้การกำกับดูแล นายเอกนิติ โดยเอกนิติจะควบตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และงเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทาบทามศุภจีมาร่วมงานได้อย่างไร อนุทินกล่าวว่า ตนใช้ความคาดหวังและผลประโยชน์ของประชาชน ของประเทศชาติเป็นจีบท่าน และขอให้เห็นแก่เรื่องพวกนี้ และท่านประสบความสำเร็จมามากมายแล้ว มีประสบการณ์ มีความสามารถในการบริหารจัดการ กิจการและองค์กรระดับใหญ่มาแล้ว จึงขอให้ท่านช่วยเหลือบ้านเมืองด้วยกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ศุภจี เป็นนักธุรกิจในเวลา 4 เดือนจะฟื้นฟูเศรษฐกิจได้มากน้อยแค่ไหน อนุทินกล่าวว่า ศุภจี ไม่ใช่นักธุรกิจแต่เป็นนักบริหารมืออาชีพ และเป็นมนุษย์เงินเดือน ที่มีรายได้มากพอสมควร เพราะฉะนั้นขอให้เชื่อมั่นว่านางศุภจีมีความเสียสละอย่างมากที่จะทิ้งเงินเดือน และรายได้จากการเป็นกรรมการหลายบริษัท ในหลายที่แต่ก็ยอมมาทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง ก็ขอให้โอกาส และขอให้เชื่อมั่นว่าพวกเราจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ไม่ต้องห่วงรัฐบาลของตนนั้นมีอำนาจเต็ม อยู่ที่ผู้ปฏิบัติงาน ส่วนตนมีแต่นโยบายการตั้งเป้า แต่ถ้าหากถามว่ามีธงหรือไม่ ก็ต้องตอบว่ามี ธงก็คือประเทศไทยเดินก้าวหน้าไปด้วยความมั่นคงและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่มีอยู่ให้ได้มากที่สุด ทำให้ประชาชนกลับมามีโอกาสให้ได้มากที่สุด มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นธงที่ตนได้ตั้งเอาไว้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า จะให้ความมั่นใจกับบุคคลเหล่านี้ได้อย่างไรว่าเข้ามาวงการการเมืองแล้วจะไม่เจ็บตัวอนุทิน กล่าวว่า บุคคลเหล่านี้ถือว่าเป็นผู้มีประวัติดีงาม ไม่มีประวัติด่างพร้อย และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ และมีความเสียสละทุ่มเท เพราะฉะนั้น ตนคิดว่าด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ ท่านก็จะไม่ยอม ทำอะไรที่ไม่ดีไม่งาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมาดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับประเทศ
สำหรับตนคำว่าบริหารราชการแผ่นดิน ใครที่ได้มาทำหน้าที่นี้นั้นนอกจากจะเป็นเกียรติยศแล้ว ก็ต้องถือว่าเป็นหน้าที่ ที่ประชาชนทั้งประเทศเป็นผู้ที่รับประโยชน์ หรือแม้กระทั่งความเดือดร้อนถ้าหากเราทำผิด เราจึงต้องมั่นใจว่า ต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด และต้องทำงานเป็นทีม ซึ่งความเป็นพรรคพวกกันมาก่อน และการรู้จักกันอย่างดี ก็จะทำให้เกิดการร่วมมือกันเป็นอย่างดี ไม่มีการขัดแข้งขัดขา และไม่ต้องกังวลว่าพรรคนั้นจะได้คะแนนมากกว่า ซึ่งตนได้พูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลเหมือนกัน และวันนี้มีแต่พรรคประเทศไทย เราจะให้ความสนับสนุนการทำงานของคณะรัฐมนตรีทุกคน ทุกพรรค ตราบใดที่สิ่งที่นำเสนอนั้นมีประโยชน์ต่อส่วนรวม
ขณะที่ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงความมุ่งมั่นที่เข้ามารับตำแหน่งในครั้งนี้ว่า ตนมีความตั้งใจเหมือนนายกฯ พูดไปแล้ว ว่าระยะเวลาสั้นๆ นี้ เป็นระยะเวลาที่มีความท้าทาย และมีความสำคัญมาก ประเทศเราต้องเดินไปข้างหน้า ไม่ว่าจะระยะเวลาสั้นแค่ไหน ตนเองในฐานะที่มีโอกาสได้ทำงานมาหลากหลาย รวมถึงงานระหว่างประเทศด้วย ตั้งใจจะนำเอาประสบการณ์ ความสามารถที่มีอยู่ทั้งหมด มาทุ่มเทให้ในระยะเวลาสั้นๆนี้ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งมีธงเดียวกับนายกฯ คือทำประโยชน์สูงสุดให้กับประเทศชาติ และพี่น้องประชาชนให้ได้อย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า สังคมชื่นชมและคาดหวังผลงานต่อจากนี้ ศุภจี กล่าวว่า ขอบคุณที่ได้รับการชื่นชม และได้รับการคาดหวัง ถือเป็นกำลังใจที่ดีอย่างยิ่ง และจะยิ่งเป็นกำลังใจที่ทำให้ทุกคนไม่ผิดหวัง ดังนั้นก็จะประสานมือกับทีมงานทุกคนภายใต้นโยบายของนายกรัฐมนตรี และเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ในการทำเรื่องเศรษฐกิจของประเทศไทยให้กลับมาให้ได้ ภายในระยะเวลาอันสั้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ถือเป็นการบ้านที่หนักหรือไม่ เพราะเข้ามาในช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศเป็นแบบนี้ ศุภจี กล่าวว่า เป็นความท้าทาย แต่เราก็มีความตั้งใจที่จะสามารถทำได้ เราคงทำไม่ได้ทุกอย่าง แต่เราจะเลือกสิ่งที่ทำแล้วเกิดผลอย่างดีที่สุด ให้ได้มากที่สุดในระยะเวลาที่เรามี
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าในระยะเร่งด่วนอยากจะทำอะไรก่อน ศุภจี กล่าวว่า ขออนุญาต เนื่องจากตนยังไม่ได้รับโปรดเกล้าฯ และต้องรอนายกฯ ในเรื่องของภาพใหญ่ด้วย ซึ่งรัฐมนตรีทุกคนก็ต้องรอดู ว่านโยบายหลักภายใต้การนำของนายกฯ เป็นอะไร และเรามีหน้าที่เสริมในเป้าประสงค์เดียวกัน เพื่อทำประโยชน์สูงสุดให้ประเทศ ดังนั้นจึงขอยังไม่พูดว่าจะทำอะไรก่อนหลัง