วันนี้ (22 พฤษภาคม) ซึ่งตรงกับวันครบรอบ 11 ปีของการรัฐประหารในประเทศไทย เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ในฐานะนักเคลื่อนไหวคนหนึ่งได้เดินทางไปที่ศาลแขวงสมุทรปราการในเวลา 10.00 น. เพื่อเข้ารับการพิจารณาคดี หลังอัยการมีคำสั่งฟ้องในข้อหาหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร
เขาระบุว่า ในปีที่ผ่านมาได้เดินทางไปยังหน่วยตรวจเลือกตามหมายเรียก แต่ปฏิเสธที่จะร่วมจับใบดำใบแดง โดยยืนยันว่าไม่ได้หลบหนี แต่เลือกที่จะไม่ร่วมมือกับระบบที่ตนไม่เชื่อถือด้วยเหตุผลทางมโนธรรม พร้อมยืนยันการปฏิเสธข้อกล่าวหาต่อศาล
“การปฏิเสธเกณฑ์ทหารด้วยเหตุผลทางมโนธรรม (conscientious objection) เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ได้รับการรับรองในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ประชาชนไม่ควรถูกบังคับให้เข้าร่วมในระบบที่ฝึกฝนความรุนแรงหรือขัดต่อความเชื่อส่วนบุคคล” เขากล่าว
เขายังอ้างถึงบุคคลทางประวัติศาสตร์ที่ยืนหยัดในหลักการเดียวกัน หนึ่งในนั้นคือ มูฮัมหมัด อาลี นักมวยระดับตำนานที่ปฏิเสธการไปร่วมรบในสงครามเวียดนามโดยกล่าวว่า “ผมไม่มีเรื่องอะไรกับพวกเวียดกง” แม้จะต้องสูญเสียตำแหน่งแชมป์โลกและถูกจำคุก แต่ท่าทีของเขากลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนทั่วโลก
นอกจากนี้ เขายังกล่าวถึงตัวอย่างจากหลายประเทศ เช่น เกาหลีใต้ เยอรมนี และอิสราเอล ที่มีผู้ปฏิเสธการเกณฑ์ทหารอย่างสันติ โดยยอมแลกเสรีภาพส่วนบุคคลเพื่อยืนยันจุดยืนทางจริยธรรม ซึ่งล้วนเป็นแรงบันดาลใจในการเคลื่อนไหวของเขา
“ระบบเกณฑ์ทหารในไทย เป็นต้นเหตุของการคอร์รัปชัน ความรุนแรง และการใช้อำนาจของกองทัพเกินขอบเขตมาช้านาน ผมเชื่อว่าการต่อสู้ด้วยสันติวิธีครั้งนี้จะนำไปสู่กองทัพที่โปร่งใสขึ้น และสังคมไทยที่เคารพเสรีภาพมากขึ้น”
เขาทิ้งท้ายว่า เหมือนกับเมื่อ 11 ปีก่อนที่เขาลุกขึ้นต่อต้านรัฐประหาร วันนี้เขายังคงยืนหยัดในแนวทางเดิม แนวทางของเสรีภาพ มโนธรรม และความไม่รุนแรง
ล่าสุดศาลแขวงสมุทรปราการมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัว โดยเห็นว่าไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ผู้ต้องหาไม่ต้องวางหลักทรัพย์ แต่ให้สาบานตนแทน
“ขอบคุณทุกกำลังใจครับ” เขากล่าวหลังออกจากศาล