Netflix สหรัฐอเมริกาปรับราคาเพิ่มขึ้นทุกแพ็กเกจ 1-2 เหรียญสหรัฐ ทำหุ้นดีดตัวสูง 6.52%

วันอังคารที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐอเมริกา Netflix ผู้ให้บริการวิดีโอสตรีมมิงออนดีมานด์ ได้ปรับราคาแพ็กเกจใช้บริการเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นในทุกแพ็กเกจ จากเดิมแพ็กเกจเริ่มต้น (Basic) ในราคา 8 เหรียญสหรัฐ ปรับเพิ่มเป็น 9 เหรียญสหรัฐ

แพ็กเกจมาตรฐาน (Standard) ราคา 11 เหรียญสหรัฐ ปรับเพิ่มเป็น 13 เหรียญสหรัฐ ส่วนแพ็กเกจพรีเมียม (Premium) ราคา 14 เหรียญสหรัฐ ก็ถูกปรับเพิ่มเป็น 16 เหรียญสหรัฐด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ราคาดังกล่าวจะมีผลทันทีกับผู้ใช้งานรายใหม่ในสหรัฐอเมริกา ส่วนผู้ใช้งานเดิมในสหรัฐฯ จะได้รับสิทธิ์จ่ายในราคาเก่าเป็นระยะเวลา 3 เดือนต่อจากนี้ โดยผลของการประกาศแผนปรับราคาใช้บริการในครั้งนี้ยังทำให้หุ้นของบริษัทดีดตัวสูง 6.52% ปิดตลาดของวันที่ราคา 354.64 เหรียญสหรัฐ (เปิดตลาดที่ 349.56 เหรียญสหรัฐ)

ถึงอย่างนั้นก็ดี กระแสจากผู้ใช้งานบนโลกโซเชียลมีเดียก็แตกออกเป็น 2 ฝั่ง เพราะมีทั้งฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยในการปรับขึ้นราคา และอีกฝ่ายที่มองว่าการขึ้นราคาค่าใช้บริการในครั้งนี้ไม่ได้เป็นเรื่องเสียหายอะไรมากมาย โดยปัจจุบัน Netflix มีผู้ใช้บริการในสหรัฐราว 58 ล้านราย ส่วนตัวเลขผู้ใช้งานในประเทศอื่นๆ ทั่วโลกจากการเปิดเผยในช่วงไตรมาส 3 ปี 2018 พบว่าสูงกว่า 80 ล้านรายแล้ว

หากย้อนกลับไปในปี 2017 ที่ Netflix เคยประกาศปรับขึ้นราคาแพ็กเกจการใช้บริการในสหรัฐอเมริกามาแล้วที่ประมาณ 1-2 เหรียญสหรัฐในแพ็กเกจมาตรฐานและพรีเมียม รีด แฮสติงส์ ซีอีโอของบริษัทเคยออกมาให้เหตุผลว่า การปรับราคานั้นสัมพันธ์กับมูลค่าของคอนเทนต์และบริการที่ลูกค้าจะได้รับ เพราะบริษัทเองก็ลงทุนผลิตออริจินัลคอนเทนต์ และนำคอนเทนต์ระดับโลกมาออนแอร์ฉายอยู่ตลอดเวลา

จึงมีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงว่าต่อจากนี้เราอาจจะได้เห็นออริจินัลคอนเทนต์จาก Netflix ทั้งในรูปแบบภาพยนตร์ ซีรีส์ และสารคดี ถี่ขึ้นจากเดิม เพราะในอนาคตอันใกล้นี้ก็จะมีผู้เล่นหน้าใหม่ทะยานเข้ามาในตลาดวิดีโอสตรีมมิงออนดีมานด์อีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะดิสนีย์ที่เตรียมเปิดตัว Disney+ ในสหรัฐฯ เดือนกันยายนนี้

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิง: