ซีอีโอ Netflix เผยแม้เศรษฐกิจโลกจะเผชิญกับความไม่แน่นอนรอบด้าน แต่ Netflix ยังคงมีเสถียรภาพและไม่ได้รับผลกระทบรุนแรง สะท้อนจากผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2025 บริษัทมีรายได้รวม 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนกำไร (Operating Margin) อยู่ที่ 31.7% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะอยู่ที่ 28.5%
ส่วนปัจจัยที่ทำให้รายได้เติบโตขึ้น เป็นผลมาจากรายได้จากค่าสมาชิกรายเดือนและรายได้จากโฆษณา ที่ได้ปรับขึ้นราคาของแพ็กเกจทั้งหมด ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยแพ็กเกจเริ่มต้น ปรับเป็น 17.99 ดอลลาร์ (ราว 599 ) บาทต่อเดือน ตามด้วยแพ็กเกจที่มีโฆษณา ปรับเป็น 7.99 ดอลลาร์ (ราว 266 บาท) ต่อเดือน และแพ็กเกจพรีเมียม ขึ้นเป็น 24.99 ดอลลาร์ (ราว 833 บาท) ต่อเดือน
รวมไปถึงการนำเสนอซีรีส์และภาพยนตร์ยอดนิยมต่างๆ เช่น Bridgerton S3 และ The Roast of Tom Brady ทำให้ ดึงดูดผู้ชมได้มากขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ทั้งนี้ บริษัทยังคาดการณ์ว่าภาพรวมไตรมาส 2 กำไรจากการดำเนินงานจะเติบโต 33.3% ซึ่งมั่นใจว่าจะทำได้ดีกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ว่าจะโตอยู่ที่ 30% แต่ในการรายงานผลประกอบการครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่ Netflix ไม่เปิดเผยจำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้นรายไตรมาส ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายใหม่ของบริษัทที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้
ในช่วงเวลาเดียวกัน เกร็ก ปีเตอร์ส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม Netflix ย้ำว่า ในอดีตธุรกิจ Netflix ไม่ค่อยได้รับผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากเป็นแพลตฟอร์มที่สร้างความบันเทิงภายในบ้าน และยังผู้คนยังจ่ายถูกกว่าการออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน
แน่นอนว่าในปี 2025 บริษัทยังคงคาดการณ์เป้าหมายรายได้ตามเดิม โดยตัวเลขอยู่ที่ 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งนักวิเคราะห์ ระบุว่า Netflix พยายามส่งสัญญาณว่าทุกอย่างราบรื่น แม้เศรษฐกิจจะวุ่นวาย แต่การที่ Netflix ไม่ได้ปรับหรือลดเป้าหมายการเติบโตนั้น อาจไม่ใช่สัญญาณของความมั่นใจในการทำธุรกิจ
“แต่เป็นการแสดงออกถึงความระมัดระวังในช่วงที่เศรษฐกิจโลกไม่แน่นอน เพราะถ้าหากบริษัทมั่นใจในแนวโน้มเศรษฐกิจและการดำเนินธุรกิจจริง ก็คงมีการปรับเป้าหมายเพิ่มขึ้น” นักวิเคราะห์ย้ำ
เมื่อมาดูทิศทางการดำเนินงานในช่วงนี้ Netflix ได้หันไปเน้นพัฒนาเทคโนโลยีโฆษณาภายในองค์กร ซึ่งมีกำหนดจะเปิดตัวต้นเดือนเมษายนในอเมริกา จากนั้นถึงจะเริ่มขยายไปยังตลาดอื่นๆ ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าแพลตฟอร์มนี้จะช่วยเสริมสร้างกลยุทธ์โฆษณาในระยะยาวของ Netflix และจะช่วยให้สามารถนำเสนอการวัดผลที่แม่นยำมากขึ้น
แม้ว่าผลประกอบการในไตรมาสแรกของ Netflix จะดีเกินคาด แต่การคงเป้าหมายในระยะยาว ยังสะท้อนถึงความระมัดระวังภายใต้เศรษฐกิจที่กำลังน่าเป็นห่วงอยู่ตอนนี้ โดยเฉพาะความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในสหรัฐฯที่อยู่ในระดับต่ำสุดเป็นอันดับสองนับตั้งแต่ปี 1952 เนื่องจากนโยบายการเก็บภาษีนำเข้าของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาดูต่อไปว่าผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจจะส่งผลต่อธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังหรือไม่
ภาพ: caioacquesta / Shutterstock
อ้างอิง:
