อิสราเอลประกาศเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (8 สิงหาคม) ว่า เตรียมบุกยึดเมืองกาซา ซิตี้ อีกครั้ง ถือเป็นการยกระดับครั้งสำคัญของสงครามยืดเยื้อกับกลุ่มฮามาส ซึ่งดำเนินมาเป็นเวลา 22 เดือนแล้ว การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นหลังการประชุมด่วนของคณะรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงเมื่อคืนที่ผ่านมา แม้จะมีแรงกดดันจากนานาชาติให้ยุติความขัดแย้ง และกระแสคัดค้านจากภายในประเทศ ที่กังวลเรื่องความปลอดภัยของตัวประกันที่ยังเหลืออยู่ในฉนวนกาซา
สงครามทางอากาศและภาคพื้นดินของอิสราเอลทำให้มีผู้เสียชีวิตในกาซาหลายหมื่นคน ประชากรส่วนใหญ่ต้องพลัดถิ่น เมืองหลายแห่งถูกทำลาย และพื้นที่ทั้งฉนวนกำลังเผชิญภาวะขาดแคลนอาหารอย่างหนัก การเปิดปฏิบัติการทางภาคพื้นในเมืองกาซา ซิตี้อีกครั้ง อาจยิ่งทำให้สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมเลวร้ายลงไปอีก
ก่อนหน้านี้ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์กับ Fox News โดยกล่าวว่า อิสราเอลมีแผนจะควบคุม “กาซาทั้งหมด” ปัจจุบัน อิสราเอลควบคุมพื้นที่ราว 3 ใน 4 ของฉนวนกาซาแล้ว
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในคืนที่ผ่านมา ยังไม่ลงมติเดินหน้าแผนยึดครองเต็มรูปแบบ ซึ่งอาจสะท้อนข้อกังวลจากผู้นำกองทัพว่า การรุกคืบในขณะนี้ อาจเป็นอันตรายต่อกลุ่มตัวประกันที่ยังมีชีวิตอยู่ประมาณ 20 คน และสร้างภาระทางทหารต่ออิสราเอลอย่างหนัก
หลังการประชุม สำนักงานนายกรัฐมนตรีอิสราเอลแถลงว่า “กองทัพจะเตรียมเข้าควบคุมเมืองกาซา ซิตี้ โดยจะจัดสรรความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประชาชนในพื้นที่นอกเขตสู้รบ”
ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา อิสราเอลได้ทิ้งระเบิดและบุกเข้าไปในกาซา ซิตี้หลายครั้ง แต่ก็ต้องถอนกำลังออกเป็นระยะ เนื่องจากนักรบฮามาสมักกลับมารวมกลุ่มใหม่ ปัจจุบันเมืองนี้เป็นหนึ่งในไม่กี่พื้นที่ที่ยังไม่ถูกประกาศให้เป็นเขตกันชน หรือไม่อยู่ภายใต้คำสั่งอพยพ
หากมีการเปิดปฏิบัติการภาคพื้นขนาดใหญ่ในเมืองนี้ อาจทำให้ประชาชนหลายหมื่นคนต้องพลัดถิ่นอีกครั้ง และยิ่งทำให้การส่งอาหารเข้าพื้นที่หิวโหยล่าช้าลงกว่าเดิม
ทั้งนี้ ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่า ปัจจุบันมีประชาชนหลงเหลืออยู่ในเมืองกาซา ซิตี้มากน้อยเพียงใด เมืองแห่งนี้เคยเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของกาซาก่อนสงครามจะปะทุ ผู้คนจำนวนมากอพยพออกในช่วงสัปดาห์แรกของสงคราม แต่ก็มีบางส่วนกลับเข้ามาในช่วงหยุดยิงเมื่อต้นปีนี้
ก่อนที่การตัดสินใจจะประกาศออกมา โรงพยาบาลท้องถิ่นในกาซารายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 42 คน จากการโจมตีทางอากาศและการยิงในพื้นที่
ภาพ: Ronen Zvulun / REUTERS
อ้างอิง:
