ย้อนรอยแบรนด์ ‘NETA’ รถ EV จีน หลังบริษัทแม่เข้าสู่กระบวนการล้มละลาย...

สำนักข่าว Reuters รายงานว่า Zhejiang Hozon New Energy Automobile บริษัทแม่เจ้าของแบรนด์ NETA ได้เข้าสู่กระบวนการล้มละลายอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ที่ผ่านมา และได้ปิดตัวโชว์รูมหลายแห่งในเซี่ยงไฮ้ไปแล้ว

ย้อนไทม์ไลน์สำคัญก่อนที่ EV จีนแบรนด์ NETA จะเข้าสู่กระบวนการล้มละลาย

จากจุดเริ่มต้นของบริษัทเริ่มก่อตั้งในปี 2014 ในมณฑลเจ้อเจียง จากความร่วมมือระหว่าง Beijing Sinohytec บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และสถาบัน Zhejiang Yangtze Delta Region มหาวิทยาลัย Tsinghua โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างรถยนต์ไฟฟ้าคุณภาพดีให้ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้

จากนั้นในปี 2017 ได้ใบอนุญาตผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและเริ่มก่อสร้างโรงงานหลักที่ Tongxiang พร้อมเผยคอนเซปต์ครั้งแรกคอนเซปต์รถ SUV ขนาดกะทัดรัดรุ่นแรก และถัดมาในปี 2018 ได้เปิดตัว NETA N01 (subcompact SUV) อย่างเป็นทางการ จากนั้นในปี 2019 ได้เปิดตัว NETA U (compact SUV) ตามมาเสริมทัพ พร้อมเปิดศูนย์ออกแบบในปักกิ่ง โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเขต Putuo เมืองเซี่ยงไฮ้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

เรียกได้ว่ามีการขยายไลน์สินค้าอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2020 ได้เปิดตัว NETA V (city SUV) ตามด้วย ปี 2021 เปิดตัวซีดาน NETA S และ NETA U Pro ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สะท้อนจากยอดขายในปี 2022 เติบโตเร็วถึง 152,000 คัน

จนทำให้ในช่วงปีเดียวกันได้ขยายศูนย์ออกแบบ R&D ไปในสหรัฐฯ เยอรมนี อิตาลี

รวมถึงประเทศไทย ในเดือนมีนาคม ปี 2023 NETA ได้เข้ามาบุกตลาดด้วยการก่อสร้างโรงงานในกรุงเทพฯ มีกำลังผลิต 20,000 คันต่อปี เพื่อจำหน่ายในตลาดอาเซียน

โดยรถรุ่นแรกที่เปิดตัวในไทยคือ รุ่น NETA V ด้วยการชูจุดขายที่มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous ให้กำลัง 95 แรงม้า และแรงบิด 150 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับชุดแบตเตอรี่มีความจุขนาด 38.5 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ใช้เวลาชาร์จแบบ DC Charge จากปริมาณแบตเตอรี่ 30-80% ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 30 นาทีเท่านั้น

แต่ด้วยความท้าทายและปัญหาของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า EV มีการแข่งขันอย่างดุเดือดมาก มีผู้เล่นรายใหญ่ๆ กระโดดเข้ามาอยู่เป็นระยะๆ และทำตลาดด้วยราคาที่เข้าถึงง่าย ทำให้ NETA ต้องเข้าไปร่วมสงครามราคา เพื่อผลักดันยอดขายให้ได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้

แต่เส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แม้ค่ายรถ EV จะลดราคาอย่างหนัก แต่ประโยชน์ที่ได้รับกลับเป็นของผู้บริโภคเพียงด้านเดียว แต่อีกด้านที่ตามมาคือความเสียหายในเชิงธุรกิจ

ในปี 2023 จากที่ NETA เคยขายได้ 152,000 คันต่อปี ยอดขายเริ่มลดลงเหลือ 127,500 คันต่อปี จนต้องรวมกิจการโรงงานเพื่อลดต้นทุน ทำให้ในปี 2024 อดีตซีอีโอ ‘จางหย่ง’ ลาออกจากตำแหน่ง และมี ‘ฟางหยุนโจว’ เข้ามารับตำแหน่งแทน โดยได้รับมอบหมายฟื้นฟูบริษัทและกลับมาทำกำไรให้ได้

เรียกได้ว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยการแบกภาระหนี้เกือบ 1 หมื่นล้านหยวน (ราว 4.56 หมื่นล้านบาท) ทำให้บริษัทเจอปัญหาสภาพคล่องและขาดทุนหนัก จนต้องขอเจรจากับซัพพลายเออร์เปลี่ยนหนี้เป็นทุนกว่า 2,000 ล้านหยวน และเริ่มไม่จ่ายเงินค่าจ้างพนักงานและมีการเลิกจ้างพนักงานจำนวนมาก

ด้าน NETA ในประเทศไทย ได้ออกแถลงการณ์ในวันที่ 12 มิ.ย. ที่ผ่านมาว่าการปรับโครงสร้างครั้งนี้เป็นความพยายามในการช่วยฟื้นฟูกิจการที่นำโดยรัฐบาลและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของศาล และบริษัทมีแผนที่จะปรับโครงสร้างการบริหารจัดการอีกครั้ง

ถึงกระนั้นในวันที่ 13 มิ.ย. มีข่าวออกมาว่าบริษัท Shanghai Yuxing Advertising Co. ได้ยื่นคำร้องเพื่อขอให้บริษัท Hozon เข้าสู่กระบวนการล้มละลาย ซึ่งศาลได้ยอมรับคดีดังกล่าวและแต่งตั้งผู้บริหารจัดการกระบวนปรับโครงสร้างแล้ว

ภาพ: ben bryant / Shutterstock

อ้างอิง: