ลงพื้นที่คลองขนมจีน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สำรวจแนวทางการอนุรักษ์สายน้ำไทยอย่างยั่งยืนของ ‘เนสท์เล่ เพียวไลฟ์’ ภายใต้โครงการ ‘เนสท์เล่ น้ำรักษ์น้ำ’ (Nestlé Waters Cares for Water)
อย่างที่ทราบกันดีว่า ‘เนสท์เล่ เพียวไลฟ์’ โดยหน่วยธุรกิจน้ำดื่มเนสท์เล่ ประเทศไทย ในฐานะแบรนด์น้ำดื่มชั้นนำระดับโลก ได้ประกาศคำมั่นสัญญาของหน่วยธุรกิจน้ำดื่มคืนน้ำสู่ชุมชนและธรรมชาติ หรือ ‘Net Water Positive’ ภายในปี 2025 เพื่อส่งต่อแหล่งน้ำให้กับคนรุ่นต่อไปได้มีน้ำสะอาดไว้ใช้ในอนาคต
และตั้งเป้าทดแทนน้ำที่ใช้ทั้งหมดในกระบวนการผลิตจากโรงงานเนสท์เล่ วอเตอร์ส อยุธยา และสุราษฎร์ธานี กว่า 1 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยที่อยุธยาหน่วยธุรกิจน้ำดื่มเนสท์เล่ ประเทศไทย ประสบความสำเร็จในการคืนน้ำกลับสู่ชุมชนและธรรมชาติ 100% อีกทั้งเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ ยังได้ดำเนิน ‘โครงการเยาวชนพิทักษ์สายน้ำ’ มาตั้งแต่ปี 2558 ด้วยการส่งเสริมการอนุรักษ์และจัดการทรัพยากรน้ำในคลองขนมจีนให้กับนักเรียนและชุมชน
เมื่อได้แหล่งน้ำสะอาดคืนกลับสู่ชุมชน และระบบนิเวศกลับมาอุดมสมบูรณ์ ก็เหมือนได้คืนวิถีชีวิตดั้งเดิมให้กับชาวบ้านในชุมชนคลองขนมจีน เพื่อสานต่อ 8 ปีแห่งการอนุรักษ์สายน้ำในไทย ‘เนสท์เล่ เพียวไลฟ์’ จึงเดินหน้าโครงการ ‘เนสท์เล่ น้ำรักษ์น้ำ’ (Nestlé Waters Cares for Water) ภายใต้แนวทางหลัก 3 ด้านอย่างครบวงจรเป็นรายแรก ได้แก่ ‘เรียนรู้ ปกป้อง และฟื้นฟู’ มุ่งพัฒนาแหล่งน้ำให้กับคนรุ่นต่อไปได้มีน้ำสะอาดไว้ใช้ในอนาคต
THE STANDARD มีโอกาสลงพื้นที่คลองขนมจีนกับเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมเก็บผักตบชวา และปล่อยปลาพันธุ์หายาก โดยมี นาริฐา วิบูลยเสข ผู้อำนวยการบริหารหน่วยธุรกิจน้ำดื่ม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด พร้อมด้วย เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข แบรนด์พรีเซนเตอร์น้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ นำทีมผู้โชคดีกว่า 30 คนมาร่วมทำกิจกรรมพิเศษ เพื่อส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพคืนสู่ธรรมชาติในชุมชน
นอกจากจะได้เห็นกับตาว่าคลองขนมจีนสะอาดจริงแล้ว ยังได้คุยกับ สุชาติ พันธุ์เพ็ง ตัวแทนชุมชนคลองขนมจีน ถึงความรู้สึกของคนในชุมชนและความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น หลังจากได้ระบบนิเวศที่สมบูรณ์กลับคืนมา
นาริฐาบอกว่า น้ำเป็นหนึ่งในทรัพยากรที่มีคุณค่าที่เราใช้ประโยชน์ร่วมกัน และมีความสำคัญในการดำรงชีวิต เนสท์เล่ บริษัทอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำระดับโลก จึงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามหลัก ESG ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลมาโดยตลอด
“เนสท์เล่เป็นบริษัทแรกที่มุ่งส่งเสริมแนวทางการฟื้นฟูน้ำที่ยั่งยืนอย่างครบวงจรทั้ง 3 ด้านให้กับผู้บริโภคและชุมชน ได้แก่ เรียนรู้: ให้ความรู้และปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์และจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน, ปกป้อง: ปกป้องแหล่งน้ำไม่ให้มีขยะหลุดรอดลงสายน้ำ ซึ่งเปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงและเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของผู้คน และฟื้นฟู: ด้วยการสร้างความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้ระบบนิเวศน้ำ ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นสู่เส้นทางแห่ง ‘การดูแลและฟื้นฟู’ หรือ Regeneration เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่
“โดยปีนี้เราได้ต่อยอดความสำเร็จในการอนุรักษ์สายน้ำที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องตลอด 8 ปี ด้วยการเปิดตัวโครงการ ‘เนสท์เล่ น้ำรักษ์น้ำ’ (Nestlé Waters Cares for Water) เพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูน้ำให้กับคนไทยในวงกว้าง พร้อมทั้งขับเคลื่อนคำมั่นในการฟื้นฟูวัฏจักรน้ำสู่เป้าหมาย ‘Net Water Positive’”
เนสท์เล่เชื่อว่า ‘ไม่มีใครจะรักน้ำไปมากกว่าชุมชนที่อยู่โดยรอบแหล่งน้ำ’ ในฐานะผู้ผลิตน้ำดื่มคุณภาพที่อยู่คู่สังคมไทยมานาน จึงสร้างการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สายน้ำร่วมกับชุมชนผ่านกิจกรรมมากมายในโครงการ ‘เนสท์เล่ น้ำรักษ์น้ำ’ ได้แก่
1. โครงการเยาวชนพิทักษ์สายน้ำ สร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญในการอนุรักษ์และจัดการทรัพยากรน้ำให้กับนักเรียนและชุมชน เพื่อปกป้องและฟื้นฟูคุณภาพน้ำในคลองขนมจีน ปัจจุบันมีนักเรียนจาก 7 โรงเรียน และชุมชน 6 ตำบล เข้าร่วมโครงการกว่า 6,000 คน
2. ตลาดนัดขยะชุมชน จับมือกับวงษ์พาณิชย์ส่งเสริมการจัดการขยะอย่างยั่งยืนให้กับชาวบ้าน เริ่มตั้งแต่เปลี่ยนขยะครัวเรือนให้เป็นรายได้ ปัจจุบันชาวบ้านในชุมชนคลองขนมจีนสามารถขายขยะเพื่อสร้างรายได้กว่า 12 ตัน ซึ่งช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 9,600 กิโลคาร์บอน (Kg CO2e)
3. เนสท์เล่รักษ์ชุมชน ผักตบชวาสู่รายได้ ส่งเสริมให้ชาวบ้านเก็บผักตบชวามาขายเป็นวัตถุดิบอัดเป็นไม้เทียมทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ โต๊ะ เก้าอี้ มอบให้กับโรงเรียน สร้างรายได้เสริมให้กับนักเรียนและคนในชุมชน โดยริเริ่มกิจกรรมใน 7 โรงเรียนรอบคลองขนมจีน
4. เนสท์เล่รักษ์น้ำ คืนปลาสู่คลองขนมจีน ทำบ่ออนุรักษ์พันธุ์ปลาท้องถิ่นหายาก 6 สายพันธุ์ ได้แก่ ปลากระทิง, ปลาหลดนา, ปลารากกล้วย, ปลาหมูแดง, ปลากราย และปลาแดง เพื่อสร้างความหลากหลายทางชีวภาพ และฟื้นฟูพันธุ์ปลาหายากกลับคืนสู่คลองขนมจีน
โดยโครงการทั้งหมดเป็นหนึ่งในแผนการดำเนินงานด้านความยั่งยืนสู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 ของเนสท์เล่
สุชาติ พันธุ์เพ็ง ตัวแทนชุมชนคลองขนมจีน เล่าว่า ที่ผ่านมาคลองขนมจีนประสบปัญหาน้ำในคลองไม่สะอาดจากขยะและวัชพืชที่อยู่ในคลองสะสมเรื่อยมา ชุมชนขาดแหล่งน้ำในการอุปโภคบริโภค และปลาหลายสายพันธุ์ก็เริ่มหายไป
“หลังจากที่เนสท์เล่เข้ามาทำโครงการต่างๆ ช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นให้กับชุมชนของเรา วิถีชีวิตของคนในชุมชนเปลี่ยนไปอย่างมาก จากเมื่อก่อนที่ชาวบ้านไม่สนใจดูแลแหล่งน้ำ พอนักเรียนและชาวบ้านได้มีความรู้ความเข้าใจ และได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์คลองขนมจีนและจัดการทรัพยากรน้ำด้วยตัวเราเอง ทุกคนก็อยากที่จะรักษาคลองให้สะอาด เมื่อคลองสะอาดก็มีปลาในแหล่งน้ำ พอน้ำไม่มีวัชพืชคนก็เริ่มพายเรือสัญจรในคลองตามวิถีชีวิตแบบเดิมได้”
ด้าน เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข แบรนด์พรีเซนเตอร์น้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ บอกว่า “รู้สึกดีใจมากๆ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมครั้งนี้ เพราะเป็นครั้งแรกที่ผมได้มาร่วมอนุรักษ์สายน้ำ ได้มาลงมือทำกับชาวชุมชนจริงๆ และมีพี่ๆ ผู้โชคดีทั้ง 30 คนมาทำกิจกรรมดีๆ แบบนี้ด้วยกัน อย่างการเก็บผักตบชวาซึ่งเป็นวัชพืชที่ไม่มีวันหมด นำมาทำเป็นไม้อัดเพื่อทำเป็นโต๊ะอเนกประสงค์มอบให้กับโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ รวมถึงปล่อยพันธุ์ปลาหายาก 6 สายพันธุ์เพื่อเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ ทุกอย่างที่ผมและทุกๆ คนได้ในครั้งนี้ล้วนเป็นการต่อยอดในเรื่องการคืนสิ่งดีๆ หรือ Regeneration ให้กับชุมชน ให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรน้ำ เพราะน้ำมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิต เราจึงจำเป็นต้องรู้ถึงวิธีการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ เพื่อส่งต่อทรัพยากรน้ำไว้ให้คนรุ่นหลัง”
ทั้งนี้ ปลาทั้ง 6 สายพันธุ์ ได้แก่ ปลากระทิง, ปลาหลดนา, ปลารากกล้วย, ปลาหมูแดง, ปลากราย และปลาแดง จะถูกปล่อยลงบ่ออนุรักษ์พันธุ์ปลาท้องถิ่นหายากจำนวน 100 ตัว และอีก 900 ตัวจะถูกปล่อยกลับคืนสู่คลองขนมจีนเพื่อเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ
ส่วนผักตบชวา วัชพืชที่มากับสายน้ำและไม่มีวันหมดไป ที่ทุกคนได้ช่วยกันเก็บ ตัด และตากในวันนั้น นอกจากจะทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ โต๊ะ เก้าอี้แล้ว ยังทำเป็นกระเป๋าได้อีกด้วย
ล่าสุดเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ ผลิตโต๊ะอเนกประสงค์มอบให้กับโรงเรียนริมคลองขนมจีน 7 โรงเรียน ช่วยลดปริมาณผักตบชวาได้มากถึง 3,840 กิโลกรัม
ยิ่งไปกว่านั้น ยังช่วยสร้างรายได้เสริมให้กับคนในชุมชน และที่สำคัญ เมื่อเก็บผักตบชวาออกยังช่วยเพิ่มระดับออกซิเจนในน้ำให้กับสัตว์น้ำ
เบญจวรรณ อื้อฉาว ตัวแทนชุมชนคลองขนมจีน บอกว่า ปัจจุบันวิถีชีวิตของคนในชุมชนคลองขนมจีนดีขึ้นมาก จากเดิมที่ต้องอยู่กับน้ำเน่าเสีย แต่ตอนนี้สามารถเพาะพันธุ์สัตว์น้ำเพื่อนำมาบริโภคและขายได้
“เราได้เห็นการทำงานของเนสท์เล่ตั้งแต่เขาเริ่มเข้ามาสอนให้ชุมชนคัดแยกขยะ ทำขยะให้เป็นทอง เมื่อก่อนคนทิ้งขยะลงคลองเพราะไม่รู้ถึงผลเสีย และไม่รู้ว่าขยะมีค่า แต่พอเนสท์เล่ปลูกฝังเยาวชนและคนในชุมชนให้รักษ์สายน้ำ พอทำมาเรื่อยๆ คนในชุมชนก็เห็นแล้วว่าประโยชน์ที่พวกเขาได้รับคืออะไร ผลเสียจากการทิ้งขยะลงคลองทำให้เกิดอะไรขึ้น พอน้ำสะอาด ปลาที่เคยหายไปก็กลับมา ชาวบ้านทำประมงได้ มีน้ำสะอาดมาใช้ในการเกษตร วิถีชีวิตชุมชนเริ่มกลับคืนมา คนมีอาชีพเพิ่มขึ้น หรือการต่อยอดผักตบชวา ฝึกอบรมให้ชาวบ้านทำตะกร้า และยังช่วยหาออเดอร์และช่องทางจัดจำหน่าย เรียกว่าช่วยครบวงจรจริงๆ”
นอกจากการได้เห็นโต๊ะอเนกประสงค์ซึ่งเป็นหนึ่งในผลลัพธ์ของแนวทางการจัดการผักตบชวาในคลองขนมจีน หรือการได้ฟังตัวแทนชุมชนบอกเล่าถึงความสุขและความภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการฟื้นฟูและอนุรักษ์แหล่งน้ำของชุมชน อีกหนึ่งข้อพิสูจน์ในการมุ่งส่งเสริมแนวทางการฟื้นฟูน้ำที่ยั่งยืนอย่างครบวงจรก็คือ โรงงานผลิตน้ำดื่มของเนสท์เล่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นผู้ผลิตรายเดียวในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการดูแลและจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนระดับสากลจาก Alliance for Water Stewardship
ส่วนใครที่คิดว่าตัวเองก็มีไอเดียเจ๋งๆ ในการคืนกลับสิ่งดีๆ ให้กับโลก เจมส์จิชวนร่วมส่งต่อสิ่งดีๆ ให้โลกของเราผ่านกิจกรรมออนไลน์ ‘New Year Regeneration Wish with Nestlé Pure Life’ แค่แชร์ไอเดีย ‘ช่วงปีใหม่นี้คุณอยากจะคืนกลับสิ่งดีๆ อะไรให้กับโลก’
ส่งไอเดียของคุณมาทางเฟซบุ๊กของเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ ได้ตั้งแต่วันที่ 1-15 ธันวาคม 2566 ไอเดียที่ดีที่สุดเนสท์เล่จะนำไปทำให้เกิดขึ้นจริง
