หลังจากที่ทีมนิวยอร์ก ไจแอนท์ส สามารถคว้าซูเปอร์โบวล์มาครองได้ในปี 1987 วันนั้น ฟิล ซิมม์ส ควอเตอร์แบ็กตัวเก่งของพวกเขาได้กล่าวประโยคอมตะที่ประกอบไปด้วยคำ 5 คำขึ้นมา

“I’m going to Disney World”

ไม่ว่าจะพูดเล่นหรือพูดจริงก็ตาม มันได้กลายเป็นหนึ่งในธรรมเนียมปฏิบัติที่เจ้าของรางวัล MVP ในเกมซูเปอร์โบวล์จะต้องไปเข้าร่วมขบวนพาเหรดที่ดิสนีย์แลนด์​พาร์ก ตามความประสงค์ของเจ้าตัว ซึ่งสำหรับเด็กหรือผู้ใหญ่หัวใจเด็กจำนวนมาก มันเป็นความปรารถนาที่น่าอิจฉาอยู่ไม่น้อย

แต่นับจากนี้และตลอดไปหากใครเอ่ยชื่อของดิสนีย์เวิลด์ขึ้นมาให้เหล่านักบาสเกตบอล NBA ได้ยิน น่ากลัวจะได้สายตาที่เย็นชากลับมา

เพราะพวกเขาต้องเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในดิสนีย์เวิลด์ที่แปรสภาพเป็นแคมปัส หรือ ‘ฟองสบู่’ อันเป็นหนทางเดียวซึ่งจะช่วยให้การแข่งขันที่พักมายาวนานร่วม 4 เดือนสามารถกลับมาทำการแข่งขันได้ต่ออีกครั้ง และพวกเขาจะต้องติดอยู่ที่นั่นไปอีกยาวนานหลายเดือน

โดยเฉพาะใครที่ทะลุเข้าไปจนถึงรอบ NBA Finals ก็จะต้องอยู่จนถึงช่วงกลางเดือนตุลาคม หรือรวมเวลากว่า 3 เดือนที่ติดอยู่ในฟองสบู่แห่งนั้น

แล้วชีวิตความเป็นอยู่ในนั้นเอาเข้าจริงแล้วเป็นอย่างไรกันบ้าง?

NBA Barbershop being built in the bubble 💈

(via @tiagosplitter) pic.twitter.com/DyuKFZiWE3

— Bleacher Report (@BleacherReport) July 19, 2020

ร้านตัดผมที่ได้รับความนิยมจากนักกีฬาอย่างมาก

มีเบียร์ มีร้านตัดผม…และไม่มีกิจกรรมที่ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้

เลอบรอน เจมส์ เปรียบเทียบสิ่งที่เขาและบรรดานักยัดห่วงระดับสตาร์ทุกคนต้องทำในช่วงหลายเดือนจากนี้ว่าไม่ต่างอะไรจากการถูกจองจำในคุก

แต่ความจริงแล้วมันก็ไม่ได้แย่ถึงขนาดนั้น (อาจจะมีเรื่องอาหารที่ไม่ถูกปากกันบ้าง)

เบร็ตต์ บราวน์ โค้ชทีมฟิลาเดลเฟีย เซเวนตี้ซิกเซอร์ส ชมเชย NBA ว่าเตรียมทุกอย่างได้อย่างดี ทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกคิดแล้วว่าจำเป็นต้องมีได้ถูกจัดหามาอย่างดีที่สุด เพื่อให้ทุกคนสามารถดำรงชีวิตอยู่ในฟองสบู่ได้อย่างไม่ลำบาก

“ผมคิดว่า NBA ทำได้เยี่ยมในเรื่องของการสร้างบรรยากาศในสถานที่ที่เราอยู่ มันเป็นระดับสูงสุด ผมไม่มีเรื่องที่จะบ่นเกี่ยวกับอะไรที่จะห้ามไม่ให้เราทำหน้าที่ของเรา”

ขณะที่ ฮัสซัน ไวท์ไซด์ เซ็นเตอร์ของทีมพอร์ตแลนด์ เทรล เบลเซอร์ส สนุกกับการอัดคลิปวิดีโอเพื่อนๆ ที่ตัวเท่ายักษ์แต่ต้องอยู่ในห้องเล็กๆ และใส่ชุดที่ดิสนีย์เตรียมไว้ให้

“นี่มันเจ๋งยิ่งกว่า Beauty and the Beast เสียอีก! ไวท์ไซด์กล่าว ซึ่งสอดคล้องกับ จอช รีฟส์ จากทีมดัลลัส มาเวอริกส์ ที่บอกว่านี่คือ “โอกาสครั้งเดียวในชีวิต” ของพวกเขาที่จะได้มีประสบการณ์แบบนี้ ซึ่งโรงแรมที่พักและทุกสิ่งทุกอย่างนั้นยอดเยี่ยมไปหมด

โดยดิสนีย์เตรียมโรงแรมที่พักเอาไว้ 3 แห่งด้วยกัน เพื่อรองรับนักบาสเกตบอล 350 คนจาก 22 ทีมที่เข้าแข่งขันในช่วงที่เหลือ ไม่นับสตาฟฟ์ ซึ่งโรงแรมจะอยู่ไม่ห่างจากศูนย์ฝึกซ้อมและสนามแข่งขัน

ในนั้นยังมีความบันเทิงมากเท่าที่จะมีได้ แน่นอนว่ามีเครื่องดื่มอย่างเบียร์เพื่อช่วยคลายเครียด ไปจนถึงร้านตัดผมที่ออกแบบมาเป็นพิเศษซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก

จะมีที่หายไปก็คือแฟนๆ ที่เข้ามาชมเกมไม่ได้ และแฟนในความหมายถึงคู่รักที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในฟองสบู่เช่นกัน และนั่นหมายถึงการที่หนุ่มๆ ทั้ง 350 คนนั้นจะไม่สามารถประกอบกิจกรรมเข้าจังหวะที่ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้

ทั้งนี้ทุกคนจะได้รับ Magic Band ที่เป็นเหมือนคีย์การ์ดและอุปกรณ์ในการติดตามตัวด้วยว่าไปทำอะไรที่ไหนอย่างไรมา โดยคนที่อยู่ในฟองสบู่นั้นไม่ได้ถูกห้ามที่จะออกจากฟองสบู่ เหมือน ไซออน วิลเลียมสัน สตาร์ของทีมนิวอิงแลนด์ เพลิแกนส์ ที่เดินทางออกไปพบครอบครัวด้วยเหตุผลส่วนตัว 

ปัญหาอยู่ที่การจะกลับเข้ามาในฟองสบู่ไม่ใช่เรื่องง่าย มีสิ่งที่ต้องทำมากมายโดยเฉพาะการกักตัว

ภาพ: @GRIII

เกล็น โรบินสัน เดอะ เธิร์ด หนึ่งในนักบาสฯ ที่จำใจต้องห่างจากลูกเป็นเวลาหลายเดือน

หัวใจที่หายไป (แต่ใกล้จะมีโอกาสได้พบกัน)

อย่างไรก็ดี สำหรับนักบาสเกตบอลหลายคน โดยเฉพาะคนที่มีครอบครัว การที่ต้องห่างทุกคนไกลเป็นระยะเวลานานหลายเดือนแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่รับมือได้ง่ายนัก

เหมือนเช่น เกล็นน์ โรบินสัน เดอะ เธิร์ด ฟอร์เวิร์ดจากทีมเซเวนตี้ซิกเซอร์สที่ลำบากใจกับการตัดสินใจที่จะต้องทิ้งลูกสาวอาเรียนา วัย 2 ขวบที่กำลังน่ารักน่าชังเอาไว้ที่บ้าน เพื่อออกมาทำหน้าที่ของตัวเอง

“ในเวลาที่เขายังเด็ก พวกเขาไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมเราต้องเดินทาง หรือทำไมพ่อต้องหายไปเป็นเวลานาน พวกเขาอยากจะเจอคุณและอยากคุยกับคุณ” โรบินสัน เดอะ เธิร์ดกล่าว

“มันเป็นการตัดสินใจที่ยากสำหรับผมในการจะต้องยอมทิ้งเธอ ซึ่งผมรู้ดีว่ามันจะต้องใช้เวลา 3 หรือ 4 เดือน ซึ่งมันมีผลต่อจิตใจของผมอย่างมาก แต่ที่สุดแล้วเธอคือเหตุผลที่ผมยอมทำทุกอย่าง” ขณะที่ตัวของเขาเองก็ได้รับความห่วงใยจากแม่ที่ส่งชุดอุปกรณ์ยังชีพมาให้เช่นกัน 

การห่างจากครอบครัวนั้นย่อมส่งผลอย่างมากแน่นอน โดยเรื่องนี้ ดร.ทิฟฟ์ โจนส์ ที่ปรึกษาด้านจิตใจ เพราะนอกจากตัวเองจะต้องเดินทางไกลเพื่อมาอยู่ในฟองสบู่และกักตัวแล้ว ความลำบากใจอีกขั้นคือการที่รู้อยู่แก่ใจว่าครอบครัวไม่ว่าจะภรรยาหรือลูกก็ต้องกักตัวอยู่เช่นเดียวกัน

คำปลอบใจเดียวที่ดีที่สุดคือการบอกกับพวกเขาว่า “อย่างน้อยมันก็ไม่เหมือนการไปเกณฑ์ทหาร” 

และอีกอย่างคือการที่แฟนๆ เองก็ต้องการชมกีฬาเพื่อขวัญและกำลังใจของพวกเขาในยามนี้เช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ดี NBA ได้เตรียมอนุญาตให้นักกีฬาได้เชิญ ‘แขก’ เข้ามาในแคมป์ ซึ่งหมายถึงครอบครัวหรือเพื่อนสนิทที่คบหากันมานาน โดยแต่ละทีมจะได้รับอนุญาตให้มีแขกมาพักได้ 17 ห้อง นักกีฬาแต่ละคนจะมีแขกได้ไม่เกิน 4 คน แม้ว่าจะมีข้อยกเว้นบางประการสำหรับเด็กเล็ก

สำหรับแขกเหล่านี้คาดว่าจะเข้ามาในแคมปัสได้เร็วที่สุดคือวันที่ 24 สิงหาคม และจะต้องกักตัวในห้องพัก 7 วันหลังการเข้ามา

ไม่ว่าการแข่งขันจะเป็นอย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาที่ผ่านมา นาทีนี้ ไปจนถึงการรอคอยที่จะได้พบกับคนที่พวกเขารักอีกครั้งในวันข้างหน้า จะเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ดีและน่าจดจำที่สุดของชีวิตนักบาสเกตบอล NBA ในฟองสบู่อย่างแน่นอน

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง:

• edition.cnn.com/2020/08/13/sport/nba-glenn-robinson-iii-social-justice-fatherhood-spt-intl/index.html
• edition.cnn.com/2020/07/30/sport/nba-bubble-disney-world-florida-spt-intl/index.html
• edition.cnn.com/2020/08/12/us/nba-bubble-guests-spt/index.html