วานนี้ (7 กุมภาพันธ์) พล.ร.ท. สุวัจ ดอนสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 สั่งการให้เรือ ต.271, เรือ ต.274 และ เครื่องบินตรวจการณ์ชี้เป้าแบบที่ 1 (T-337) บูรณาการร่วมกับเรือ ศรชล.4015 และเรือตรวจประมงทะเล 206 จากศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดพังงา ในการลาดตระเวนค้นหาและพิสูจน์ทราบเรือประมงต่างชาติที่ลักลอบเข้ามาทำประมงในพื้นที่ทางทะเลของประเทศไทย
ซึ่งเป็นการขยายผลจากการได้รับข้อมูลข่าวสารจากเรือประมงไทย จนเมื่อเวลา 15.50 น. ตรวจพบเรือประมงสัญชาติเมียนมาจำนวน 2 ลำ ห่างจากเกาะค้างคาว จังหวัดระนอง ระยะทาง 8.7 ไมล์ทะเล ซึ่งอยู่ภายในทะเลอาณาเขตของประเทศไทย จึงควบคุมเรือพร้อมลูกเรือรวม 13 คน มายังท่าเทียบเรืออเนกประสงค์ ระนอง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
การจับกุมเรือประมงต่างชาติที่รุกล้ำน่านน้ำทางทะเลของประเทศไทยเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการ Seal Stop Safe ชายแดนทางทะเล และเป็นไปตามนโยบายของ พล.ร.อ. จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ประจำปีงบประมาณ 2568 ที่มุ่งเน้นการรักษาอธิปไตยและการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล การป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามทางทะเล การปฏิบัติการป้องกันการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติ (Irregular Migrant) และการปราบปรามการลักลอบนำพาแรงงานเถื่อน (Migrant Smuggling)
พล.ร.ท. สุวัจ กล่าวต่อว่า ทัพเรือภาคที่ 3 และศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 จะทำหน้าที่รักษาอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติทางทะเลในพื้นที่ฝั่งทะเลอันดามันอย่างสุดกำลังความสามารถ และจะไม่ยอมให้เรือประมงต่างชาติรุกล้ำน่านน้ำเข้ามาในพื้นที่ทางทะเลของประเทศไทยเป็นอันขาด หากตรวจพบจะจับกุมและส่งดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดในทุกกรณี
อ้างอิง:
- กองทัพเรือ Royal Thai Navy / Facebook